เจาะลึกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญปี64 แก้รธน.ต้องทำประชามติก่อน

การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่วันที่ 2 ของการพิจารณา มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานประชุม แต่ปรากฎว่า องค์ประชุมไม่ครบมีสส.-สว.เข้าร่วม 175คน จากจำนวนผู้เข้าร่วม620 คน

วันแรกของการประชุม นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ สมาชิกวุฒิสภากลุ่ม ส.ว.สีขาว ได้ยื่นญัตติด่วนต่อ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้รัฐสภามีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) 

การยื่นญัตติของน.พ.เปรมศักดิ์ เกิดขึ้นเนื่องจากที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ซึ่งเสนอโดย นายพริษฐ์ และนายวิสุทธิ์ แต่สมาชิกสภามีความเห็นที่หลากหลายและยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ประเด็นสำคัญคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2564 ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่านประชามติก่อน แต่การยื่นแก้ไขครั้งนี้ยังไม่มีการทำประชามติ จึงเห็นว่าเป็นการข้ามขั้นตอน รัฐสภาควรมีมติให้ดำเนินการประชามติก่อน

ขณะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการเผยแพร่อินโฟกราฟฟิค “คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564” ไว้ตั้งแต่ 12 สิงหาคม 2565 เรื่องประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ของสมาชิกรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1)

เนื้อความสรุปได้ว่า รัฐสภา จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยจะต้องจัดให้ประชาชนผู้มีอำนาจลงประชามติเสียก่อนว่า สมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งหากผลการลงประชามติประชาชนเห็นด้วย ให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และให้ประชาชนผู้มีอำนาจออกเสียงประชามติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง 

ผลคำวินิจฉัย ยืนยันว่า รัฐสภา มีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชนลงประชามติว่า ประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว ต้องให้ประชาชน ลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง 

ทั้งนี้สามารถคลิ๊กอ่านรายละเอียด ได้ที่นี่