สุริยะ เร่งเยียวยา โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัส รายละ 2.39 ล้าน
สุริยะ ประชุมจ่ายเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย โศกนฏฎกรรม รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ห้ามรถ2ชั้น วิ่งต่างจังหวัด สั่งคุมเข้ม รถทุกประเภทใช้แก๊ส ประสานวิศวกรรมสถาน เดินหน้า ตรวจสอบโครงสร้างรถบัส เคาะตัวเลขหน่วยงานรัฐ เอกชน เยียวยา ครอบครัวผู้เสียชีวิตกว่า 2.39 ล้าน ทุพลภาพ 7 แสน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียนเกิดเหตุเพลิงไหม้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าสะเทือนใจ นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย รู้สึกเศร้าสลดจากเหตุการณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะไปดูแล
กระทรวงคมนาคม จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดูสาเหตุว่าเกิดจากอะไร จะมีการป้องกันอย่างไร จะเชิญวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เข้ามาร่วมตรวจสอบโครงสร้างของรถที่บรรทุกผู้โดยสารจำนวนเท่านี้ ควรจะปรับปรุงอย่างไร รวมถึงเรื่องทางออกฉุกเฉิน มีไอเดียจะให้มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำก่อนออกออกเดินทางว่า หากมีเหตุฉุกเฉิน จะปฏิบัติตัวอย่างไร ช่องทางออกฉุกเฉิน เหมือนกับเครื่องบิน ต่อไปจะต้องบังคับให้รถโดยสารสาธารณะ ดำเนินการตามนี้เพื่อลดความรุนแรงลง โดยกระทรวงจะมีมาตรการออกมา
เมื่อถามถึงเรื่องของรถสูง 2 ชั้น มีการพูดมานานแล้วว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ควรยกเลิกใช้งาน นายสุริยะกล่าวว่า สำหรับรถ 2 ชั้น กระทรวงคมนาคม มีแนวทางอยู่แล้ว กำลังพิจารณาว่า จะให้รถ 2 ชั้นวิ่งในเขตเมือง ห้ามออกต่างจังหวัด ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดเป็นรถชั้นเดียว ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกในอนาคต แนวทางป้องกันจะมีทั้งมาตรการระยะเร่งด่วนและระยะยาว
ส่วนรถที่เกิดเหตุมีการดัดแปลงเปลี่ยนเครื่องยนต์ และตัวถังประกอบซึ่งใช้มานานกว่า 50 ปีต้องมีการตรวจสอบรถบัสโดยสารทั้งประเทศหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะตรวจสอบกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่สภาพรถ จำนวนผู้โดยสาร ขณะเดียวกันจะครอบคลุมรถทุกประเภท ทั้งรถตู้ รถโดยสาร นอกจากนี้จะตรวจสอบเรื่องการใช้เชื้อเพลิงที่เป็นแก๊สในรถสาธารณะ เวลาเกิดอุบัติเหตุมักมีความรุนแรง คาดว่าคณะกรรมการจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์
ถามว่าการดัดแปลงรถ อาจจะทำให้บริษัทประกันภัยไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยสินไหม นายสุริยะ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางบก ว่าตามกฎหมายต้องบังคับให้มีการประกันภัยขั้นต่ำ จะจ่ายสูงสุด 5 แสนบาท และ พ.ร.บ.ภาคสมัครใจ อีก 5 แสนบาท รวมทั้งหมด 20 ล้านบาทต่อการเกิดอุบัติเหตุหนึ่งครั้ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้เสียชีวิต 23 ราย เฉลี่ยแล้วเบื้องต้นจะได้คนละ 8.6 แสนบาท เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริษัทประกันภัยจะไม่มาหาสาเหตุที่จะไม่จ่ายค่าประกันภัย เพราะเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ นอกเหนือจากการประกันภัยแล้ว ยังมีเงินเยียวยาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะมีการประชุมวันที่2ต.ค.
นายสุริยะกล่าวในที่ประชุมว่า จะต้องมีการวางมาตรการเพื่อไม่ให้เกิด ลักษณะแบบนี้ขึ้นอีก ทุกภาคส่วนต้องพร้อมให้ความร่วมมือและช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ การประชุมในวันนี้ จะมุ่งเน้นการหารือถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการใช้ชีวิต กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ยังต้องมีมาตรการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ หวังว่าจะสามารถบรรเทาความทุกข์ยากได้อย่างทันท่วงที ขอวิงวอนไปยังผู้สื่อข่าวและผู้ที่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้ระมัดระวังไม่ให้มีการนำเสนอข้อมูลที่จะกระทบต่อจิตใจผู้ที่เกี่ยวข้อง
นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเกี่ยวกับข้อมูลการบริหารกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยของสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายสุริยะ เป็นประธานกองทุนฯ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ.2542 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดรับบริจาค ทรัพย์สินหรือสิ่งของ ความสำหรับผู้ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือ โดยจะมีคณะกรรมการบริหารกองทุน คือ นายกรัฐมนตรี หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานฯ และประกอบด้วยปลัดกระทรวงต่างๆ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเลขานุการคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์ในการควบคุมการใช้จ่ายเงินกองทุน ซึ่งในระเบียบกำหนดว่าเงินกองทุนจะนำไปใช้ได้ สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยเท่านั้น
ภายหลังการประชุม นายสุริยะ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มีมติอนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้
กรณีเสียชีวิต เป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท
กรณีทุพลภาพ รายละ 700,000 บาท
กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท
กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 100,000 บาท
โดยให้ กระทรวงศึกษาธิการ ส่งรายชื่อ และข้อมูลของผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดมายังคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อให้จ่ายได้ภายในสัปดาห์หน้า
สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถบัส ทัศนศึกษา ของคณะครูและนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เกิดเหตุเพลิงไหม้ จะได้รับเงินเยียวยาทั้งสิ้น รวม 2.39 ล้านบาท
โดยเป็นเงินจาก กองทุนฯ 1,000,000 บาท
จากประกันภัยของบริษัทรถบัส 1,000,000 บาท
จากกองทุนกระทรวงยุติธรรม 200,000 บาท
จากกองทุนกระทรวงศึกษาธิการ 180,000 บาท
จากกองทุนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 10,000 บาท