posttoday

"แสวง บุญมี"แจงถิ่นกาขาวฯตั้งพรรคสาขาครบแต่ยังไม่อัพเดทบนเว็บไซต์

13 สิงหาคม 2567

เปิดข้อมูล2ด้าน อ่านข้อต่อสู้2ฝั่ง ปมถิ่นกาขาวชาววิไลตั้งสาขาพรรคไม่ครบนำไปสู่การสิ้นสภาพพรรคจริงหรือไม่ ขณะแสวง บุญมี ระบุมีการส่งเรื่องนี้ตั้งสาขาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองแล้วแต่ยังไม่อัพเดทระบบบนเว็บไซต์กกต.

นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า กรณีการจัดตั้งสาขาพรรคของพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน พบว่าเมื่อ1สัปดาห์ก่อนมีการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคในส่วนที่ขาดอยู่จนครบ และระยะเวลาการจัดตั้งก็อยู่ภายใน 1 ปี ที่กฎหมายกำหนด

ขณะนี้มีการจะส่งเรื่องมาให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบตามขั้นตอนแล้ว ตราบใดที่นายทะเบียนพรรคการเมืองยังไม่ลงในระบบฐานข้อมูลของสำนักงาน จึงทำให้ ณ ปัจจุบันข้อมูลนี้ยังไม่ปรากฏบนเว็บไซต์ของกกต.

นอกจากนี้ พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล กำลังมีการดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรคอีกหนึ่งแห่งที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งถ้ามีการประชุมจัดตั้งแล้วเสร็จ ก็จะสามารถดำเนินการขั้นตอนเรื่องของการจัดส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างได้ทันที

 

ก่อนหน้านี้ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน ออกมาให้ข้อมูลว่า พรรคไทยภักด คงไม่ได้อัพเดตข้อมูล ดูเพียงในเว็บไซต์ กกต.ยืนยันว่าพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน มีการจัดตั้งสาขาพรรคครบทั้ง 4 ภาค 

ส่วนขั้นตอนเรื่องการเปลี่ยนชื่อพรรคและกรรมการบริหารพรรค หลังการประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2567 จากนี้ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ คือจัดทำรายละเอียดการประชุมต่างๆทั้งในเรื่องการเปลี่ยนชื่อ โลโก้ คณะกรรมการบริหาร และข้อบังคับพรรคให้ครบถ้วน เพื่อยื่นต่อกกต.ในวันที่ 13 ส.ค.67 ซึ่งเปิดทำการวันแรก 

ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า พรรคประชาชน มีสาขาครบถ้วนทั้ง 4 ภาค คือ ภาคเหนือที่ จ.นครสวรรค์ ภาคกลาง จ.ราชบุรี ภาคอีสาน ที่ จ.สกลนคร และภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช หากไม่ครบ กกต.คงไม่อนุญาตให้พรรคมีการตั้งกรรมการสรรหา จดแจ้งเปลี่ยนชื่อพรรคและธุรกรรมอื่น ๆ  

 

 

 

แม้กกต.และพรรคประชาชนจะออกมาชี้แจงแล้ว แต่นายทศพล พรหมเกตุ เลขาธิการพรรคไทยภักดี ก็ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อขอให้ตรวจสอบการมีสาขาพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล จากระบบฐานข้อมูลพรรคการเมืองย้อนหลัง ใน2 ประเด็น ประกอบด้วย

1.พรรคถิ่นกาขาวทำวิไล มีสาขาพรรคเพียง 3 สาขา คือ ภาคกลาง 2 สาขา และภาคเหนือ 1 สาขา ซึ่งอาจสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 91 (3) ที่บัญญัติว่าพรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองเมื่อภายหลังจากที่ดำเนินการครบตามมาตรา 33 (2) มีจำนวนสาขาพรรคการเมืองเหลือไม่ถึงภาคละ 1 สาขาเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 1 ปี

"หากมีสาขาไม่ครบ 4 ภาคเป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะดำเนินการมีคำสั่งให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพ ซึ่งการที่มีข้อมูลระบุว่าปัจจุบันได้มีการอัพเดทแล้วมีสาขาพรรคครบ 4 ภาคนั้นไม่ใช่ประเด็น แต่อยากให้กกต.ตรวจสอบย้อนหลังกลับไปเป็นรายปีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ประจักษ์ชัด" 

2.การรับบริจาคเงินของพรรคถิ่นกาขาวซึ่งมีการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน หลังจัดการประชุมใหญ่เมื่อ 9 ส.ค.67 โดยเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินให้กับพรรคจำนวนมากเป็นไปตามข้อ 42 ของระเบียบกกต.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2563 หรือไม่ ที่ให้อำนาจหัวหน้าพรรคและเหรัญญิก เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารพาณิชย์ โดยมีหลักฐานสำคัญประกอบการเปิดบัญชีคือ หนังสือรับรองรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคจากกกต.โดยวงเล็บว่าเพื่อการบริจาค ซึ่งการรับรองจากกกต.มีระยะเวลาในการดำเนินการ  

"พรรคไทยภักดีที่มีการจัดประชุมใหญ่ เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อ 28 เม.ย.67ถึงวันนี้ เราก็ยังไม่ได้รับหนังสือรับรองจากกกต.รับรองคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงเรียนถามว่ากกต.ได้ให้การรับรองไปพรรคประชาชนแล้วหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ให้การรับรองก็ให้กกต. ตรวจสอบการรับบริจาคเงินว่าเป็นไปตามข้อ 42 หรือไม่ และที่สำคัญอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนให้เข้าใจผิดซึ่งเป็นความผิดทางอาญาจะเป็นหน้าที่ของกกต.ในการตรวจสอบ