posttoday

อดีตเลขาสมช. มองเกมการเมือง ตำรวจ กับคำสั่งเด้ง บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก ช่วยราชการ

20 มีนาคม 2567

ความขัดแย้ง 2 นายพลตำรวจ ลุกลามบานปลาย เศรษฐา ทวีสิน นายกฯและประธานก.ตร. ตัดสินใจใช้อำนาจ เด้ง2 นายพล ช่วยราชการ สำนักนายกฯ60วัน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาสมช. คลุกคลีแวดวงข่าวสารตำรวจ ทหาร ความมั่นคง ร่วมแลกเปลี่ยนให้เห็นอีกมุมมองจากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น

KEY

POINTS

  • นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ลงนามให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ช่วยราชการสำนักนายกฯ 60 วัน
  • พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาสมช. ร่วมวิเคราะห์ผลจากการลงนามในคำสั่งดังกล่าว ที่ส่งผลต่อ 2 นายพลตำรวจ ทั้งในแง่คดี และ เส้นทางอาชีพการงานในอนาคต

'พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร' หรือ เสธ.แมว อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่คลุกคลีในแวดวงความมั่นคง แวดวงตำรวจ ทหาร มานาน ให้ความเห็น กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่สวมหมวกอีกใบ ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. มาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 60 วัน จากปัญหาความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า 

จากความขัดแย้งครั้งนี้ ที่เกิดขึ้นในระดับสูงของวงการตำรวจ จะลุกลามส่งผลกระทบถึงรัฐบาล ในสถานการณ์ตอนนี้ รัฐบาลกำลังเจอ การอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 วาระ2-3 จากนั้นวันที่ 25มี.ค. สว.จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เสร็จแล้ววันที่ 3-4 เม.ย. ถึงคิว ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติอีก 
 

 

ถ้าประเด็นนี้ยังอยู่ จะถูกหยิบยกมาเล่นงานด้วย ต้องยอมรับ ข้อมูลของ บิ๊กโจ๊ก(พล.ต.อ.สุรเชษฐ์) ก็ไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าจะขยายผลถึงไหนเหมือนกัน เป็นเหมือนปริศนา ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เคยพูด ถ้าเอาข้อมูลมาเปิด มันจะกระทบ กระเทือนไปทั้งสตช. ก็เกิดชื่อย่อ อะไรเต็มไปหมด เลยเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ขยายผล แต่การตัดไฟจริงๆในแง่นี้ ที่เราเห็นทั้ง 2 นายพลตำรวจมานั่งแถลง จากนั้นถูกไปช่วยราชการทั้งคู่ 

พล.ท.ภราดร ระบุอีกว่า ในสาระของแถลงบอกชัด สำนวนของ บิ๊กโจ๊ก ต้องไปป.ป.ช.แล้ว ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะหยิบยกสำนวนนี้มาสอบอีกไม่ได้ จะมาเล่นงานเพื่อจะลามไปถึง พักราชการ หรือ ให้ออกไปก่อน อันนั้นต้องหยุดไปด้วย เพราะสำนวนมาอยู่ ป.ป.ช. ต้องรอป.ป.ช.ชี้มูล ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน ต้องยอมรับ บิ๊กโจ๊ก เป็นคนร้องขอให้สำนวนนี้ไปอยู่ ป.ป.ช.เพื่อสร้างความเป็นธรรม เนื่องจากใน สตช.เกิดการแข่งขัน ชิงแคนดิเดตเรื่อง ผบ.ตร. 


เพื่อความเป็นธรรมต้องให้ไปตรงนี้ ขณะเดียวกันเมื่อ บช.น.เสนอสำนวนให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งจเรมาสอบสวน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังไม่ตั้งเลย ยังบอก ให้เป็นเรื่องของ พนักงานสอบสวนพิจารณา เพราะพล.ต.อ. มีส่วนได้ส่วนเสียในการพิจารณาตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่กระบวนท่ายังอยู่ตรงนี้ 
 

2คน ก่อนแถลงข่าว ได้ไปพบนายกรัฐมนตรีก่อนอยู่แล้ว แล้วก็มาแถลงให้เห็นเป็นประเด็นชัด สำนวนบิ๊กโจ๊กไปป.ป.ช. จากนั้นก็มาโดนเด้งทั้งคู่ เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะเกิด การไปช่วยราชการ 60 วัน ก็เป็นเรื่องรอยต่อ ที่จะโดนอภิปรายทั้งสว.วันที่ 25มี.ค. วันที่ 3-4เม.ย. โดนฝ่ายค้านอภิปรายอีก รัฐบาลจึงลดแรงกดดัน ทำให้ในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซาลงได้ 


เมื่อครบกำหนดช่วยราชการ 60 วัน ต้องมาดูอีก จะกลับมาทั้งคู่หรือไม่ ถ้าไม่ได้กลับทั้งคู่ บิ๊กโจ๊ก จะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย อยู่ในเกณฑ์การเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ตร.ต่อ เพราะกระบวนการไปอยู่ป.ป.ช.แล้ว ยังไม่ได้ชี้ถูก ชี้ผิด ดังนั้นจะไปตั้งกรรมการสอบสวนเขาอีกไม่ได้ 


วันที่ 21มี.ค. กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) จะเรียกพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปรับทราบข้อกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงินฯ และสมคบร่วมกันฟอกเงิน จะส่งผลกระทบทั้ง บิ๊กโจ๊ก ไปด้วยหรือไม่นั้น เรื่องนี้มันเป็นรอยต่อคดีอันนี้ ที่เหมือนจะไปเรียกเขา สุดท้ายคดีนี้ก็เกี่ยวเนื่องไปสู่คดีอันแรก จะต้องไหลไปป.ป.ช.หมด จริงๆถ้าฟังจากที่แถลง คดีเรื่องนี้จะไปสัมพันธ์กับคดีอันแรก ที่ต่อเนื่องร่วมกัน ต้องไหลไปป.ป.ช.ทั้งหมด ถ้าฟังจาก ทนายของบิ๊กโจ๊ก โอกาสไปถึง ก็ไม่ง่าย ถ้าสอบแล้ว เส้นทางการเงินไปไม่ถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อาจจะหลุดก็ได้ แต่เราก็ตอบไม่ได้ ต้องรอป.ป.ช.ชี้มูลออกมา

ณ ตอนนี้ บิ๊กโจ๊ก น่าจะกลับมามีพลังที่จะสู้ต่อได้ เพราะถ้ายังอยู่ใน สำนักงานตำรวจ แล้วคณะกรรมการชี้มูล ผิดวินัยร้ายแรง อาจถูกพักหรือออกราชการไว้ก่อน ก็จบเห่เลย กว่าจะเข้าสู่กระบวนการ ตัวเองก็ไม่เข้าเกณฑ์ของ ผบ.ตร.แล้ว เพราะให้ถูกออกราชการ ก็เหมือนคดีเดียวกับลักษณะคดีของ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ก็แบบเดียวกันแล้วกลายเป็น ไม่มีสิทธิเป็น แคนดิเดต แล้วสุดท้ายก็เกษียณไป 


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากพ้นการไปช่วยราชการ60วันไปแล้ว กลับมาอยู่ในไลน์ แคนดิเดตผบ.ตร.เหมือนเดิม บิ๊กต่อ ก็กลับมา แต่ก็คงไม่กล้าจะทะเลาะกับ บิ๊กโจ๊กแล้ว เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่า บิ๊กโจ๊ก ยังมีข้อมูลไม้เด็ดอะไรอีก ที่มีการเปิดออกมาเส้นทางการเงิน กลับกลายเป็น พิสูจน์แต่ในส่วนของลูกน้องทั้งนั้น แต่จริงๆเส้นทางการเงินไปหลายกลุ่มเลย ทำไมมาเฉพาะเจาะจง เฉพาะแค่กลุ่มนี้ ในการประชุมก.ตร. วันที่ 21มี.ค. คงจะให้ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร หรือ บิ๊กต่าย ได้รักษาการผบ.ตร.ไปก่อน 60วัน 

เกมตำรวจแต่มาโยงการเมืองด้วย เพราะผบ.ตร.ในอนาคต ต้องเกี่ยวพันกับ ฐานอำนาจรัฐบาล เป็นมือไม้ แต่ตอนนี้ แทนที่ บิ๊กโจ๊ก จะถูกเด็ดขั้วไปเลย กลายเป็น ดีเลย์แทคติกไปได้ก่อน ตอนนี้บิ๊กโจ๊ก น่าจะแฮปปี้กว่า แสดงว่า โจ๊กยังมีอิทธิฤทธิ์อยู่ แล้วถ้าฟังจากข้อมูลจริงๆ จะเห็นว่า เส้นทางการเงินยังไปไม่ถึง บิ๊กโจ๊กเลย พอไปอยู่ในมือ ป.ป.ช. บิ๊กโจ๊ก เขาก็อาจเชื่อว่า ยังมีโอกาสรอด