posttoday

วรชัย บี้ ผู้ว่าแบงก์ชาติ ดูช่องว่าง ดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ต่างกัน8เท่า

10 มกราคม 2567

วรชัย จี้ เศรษฐพุฒิ ดูปัญหา ดอกเบี้ยเงินฝากกับเงินกู้ แตกต่างกัน 8 เท่า ธนาคารรวยล้น สวนทางสภาพเศรษฐกิจ คาใจ ขวางการกู้ เพื่อมาแจกดิจิทัลวอลเล็ต ไม่เห็นด้วย ปล่อยปรับขึ้นดอกเบี้ย ชี้ รับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นวันข้างหน้า ไล่บี้ไปดูปัญหา หุ้นกู้ผิดนัดชำระ

วันที่ 10 ม.ค. นายวรชัย เหมะ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวถึงกรณีธนาคารเอกชนต่างๆทำกำไรได้ถึง 1 ล้านๆในระยะเวลาเกือบ 6 ปีที่ผ่านมา และปี 2566 มีกำไรถึง 2 แสนล้านบาทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า ธนาคารเอกชนทำกำไรเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ที่คนไทยทุกคนมีรายได้ฝืดเคือง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องปิดตัวลง เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสิน ประชาชนถูกยึดบ้านยึดรถ รายได้ประชาชนตกต่ำลงเรื่อยๆ

วันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องลงมาดูสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศ เราเห็นช่องว่างดอกเบี้ยระหว่างเงินฝากกับเงินกู้มีส่วนต่างกันถึง 8 เท่า ดอกเบี้ยเงินฝาก 0.35% ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึง 7.5-9% เรื่องนี้ถือว่า ไม่ยุติธรรมสำหรับคนไทยอย่างมาก

นายวรชัยกล่าวว่า พอรัฐบาลจะกู้เงินมาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้ประชาชนมีกำลังใช้จ่าย ธนาคารแห่งประเทศไทยกลับแสดงท่าทีคัดค้าน ทำให้มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนส่วนใหญ่ แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธนาคารพาณิชย์หรือไม่ และสาเหตุที่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงเช่นนี้ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาโดยตลอด ทั้งที่การปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือลดเงินเฟ้อ แต่วันนี้ประเทศไทยเงินเฟ้อเป็นลบ จึงไม่เข้าใจเหตุใดถึงทำเช่นนี้ ดังนั้นวันนี้ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า

นอกจากนี้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือภาวะขาดสภาพคล่องของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่เคยออกหุ้นกู้ให้แก่ประชาชน ตอนนี้ก็มีปัญหาขาดสภาพคล่องเข้ามาอีก จนอาจไม่สามารถชำระหนี้ให้ประชาชนที่ซื้อหุ้นกู้ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะช่วยเหลือเรื่องนี้อย่างไร