posttoday

รัฐบาล เคาะแก้หนี้ข้าราชการ3ล้านคนให้เหลือเงินเดือนใช้30%

30 พฤศจิกายน 2566

เปิดมาตราการรัฐบาลเคาะแผนแก้หนี้ข้าราชการ ตั้งเป้าให้เหลือเงินเดือนใช้ไม่ต่ำกว่า30% หากไม่ถึงเกณฑ์ขยายงวดชำระถึงอายุ75ปี พร้อมปล่อยเงินกู้พิเศษในเดือนม.ค.67 เตรียมเสนอนายกฯเศรษฐาแถลงอย่างเป็นทางการ 12ธ.ค.2566

ที่ทำเนียบรัฐบาล พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ในฐานะรองประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมฯว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เรื่องนี้ถือเป็นวาระที่สำคัญ โดยมีการนำเอาหนี้นอกรับไว้อยู่ในไปอยู่ในท้ายพระราชบัญญัติคดี ดังนั้นต่อไปนี้การปล่อยกู้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดคือ ร้อยละ 15 ต่อปี และไม่มีกฎหมายกำหนด

ส่วนที่จะเป็นคดีพิเศษเครือข่ายหนี้นอกระบบ เช่น เราตีว่า 30 ล้าน หรือ 50 คนขึ้นไป ที่ปล่อยกู้ โดยเมื่อตรวจสอบกับกรมบังคับคดีก็จะพบกับกรณีนี้ ซึ่งพบว่ามีเป็นหมื่นๆ คน วันนี้จึงสั่งให้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมาเป็น ผอ. การแก้ปัญหาลูกหนี้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม และเป็นท้ายหนี้นอกระบบที่มีสำนักเข้าไปดูและ โดยดีเอสไอจะทำร่วมกับตำรวจ ซึ่งจะใช้วิธีเข้าไปสอบสวน สืบสวนเครือข่าย ซึ่งจะทำให้บรรเทาเรื่องหนี้นอกระบบ

พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า ในส่วนของกรมบังคับคดี สิ่งที่น่าเป็นห่วงในวันนี้คือหนี้ที่มีคำพิพากษาทางแพ่งเมื่อส่งไปที่กรมบังคับคดี ทั้งที่ตั้งเรื่องและไม่ได้ตั้งเรื่องรวมแล้ว 16 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ มีหนี้ของสถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ส่วนหนี้อีกก้อนหนึ่งที่เป็นก้อนใหญ่คือหนี้ กยศ. ซึ่ง หลังจากที่แก้กฎหมายไปแล้ว โดยหลังจากวันที่ 20 มีนาคม 2566 กฎหมายเก่าถูกยกเลิก ทาง กยศ. ต้องไปคิดหนี้ใหม่ คือ ให้มีการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยปรับไม่เกิน 1.50 บาท นอกจาก มีกรมบังคับคดีแล้วก็จะมีศูนย์ยุติธรรมชุมชนทุกแห่ง ที่จะเข้ามาช่วยดูแลเช่นกรณีของบัตรเครดิต ซึ่งปกติมีอายุความ 2 ปี แต่ในกฎหมายแพ่งเขียนเงื่อน การยกอายุความ ต้องให้ลูกหนี้เป็นคนยก ไม่ใช่เจ้าหนี้ยก หากลูกหนี้ไม่ยกในวันฟ้อง หรือวันที่มาต่อสู้คดี ลูกหนี้ก็ไม่สามารถเอาสถานะเรื่องของอายุความเอามาใช้ได้ จึงทำให้ถูกฟ้องเรื่องบัตรเครดิตลุกลามไปถึงการยึดบ้าน ดังนั้นวันนี้จึงเห็นว่าเรื่องนี้ ต้องทำให้ประชาชนทุกคนรู้ถึงสิทธิของตัวเอง ว่าหากใครเป็นหนี้บัตรเครดิต ต้องตรวจดูว่า หากเกิน 2 ปีลูกหนี้ต้องเขียนคำร้อง ซึ่งจะช่วยบรรเทาลูกหนี้ ส่วนเจ้าหนี้ก็ อยากบอกด้วยว่าเมื่อคุณได้เปรียบทางช่องกฎหมาย ก็ควรจะบอกลูกหนี้ 

อย่างไรก็ตามในเรื่องของหนี้นอกระบบจะมีสำนักคุ้มครองพยาน ที่จะมาร่วมมือกับทางรัฐบาล ยืนยันว่าเราจะใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็งและจริงจัง กระทรวงยุติธรรมก็จะยึดหลักความยุติธรรม ซึ่งปกติมักจะมีคนพูดกันว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายแต่เราจะเป็นที่พึ่งแห่งแรกในการแก้หนี้ให้กับประชาชน โดยใช้ยุติธรรมชุมชน และยุติธรรมจังหวัด นำความยุติธรรมไปถึงชาวบ้าน หยิบปัญหาหนี้ของประชาชนมาช่วยแก้ไข โดยทั้งหมดนี้ จะเป็นการทำตามนโยบายรัฐบาล และครั้งนี้ถือว่าเป็นการแก้หนี้ให้กับประชาชนแบบ 360 องศา และเชื่อว่ายั่งยืนต่อไป ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ในเรื่องของการแก้หนี้ให้กับประชาชนและเชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนำมาเป็นคดีพิเศษแล้วจะมีโทษอย่างไรบ้าง พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า จะมีมีโทษอั้งยี้ด้วย โดยจะมีการยึดทรัพย์ เมื่อถามว่า16 ล้านล้านบาทนั้น เป็นมูลหนี้ปัจจุบันใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า เป็นมูลหนี้ที่อยู่กรมบังคับคดี ซึ่งต้องบังคับคดีไปตามกฏหมาย ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม เป็นการไปช่วยบรรเทา 

“หนี้ข้าราชการ ถือเป็นหนี้ที่น่าสงสารที่สุด เพราะถ้าถูกฟ้องล้มละลายก็ต้องถูกออกจากราชการ ถือเป็นมะเร็งร้าย ที่เราจะต้องมีวิธีคิดดอกเบี้ยใหม่ ส่วนหนี้บัตรเครดิตที่ต้องกำหนดดอกเบี้ย 18% เป็นเรื่องที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะเข้ามากำหนดเพดานและเข้ามาคุม เราต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงเรื่องอายุความ ก็จะทำให้ เป็นการช่วยเหลือประชาชน ไม่ต้องถูกยึดบ้าน ประชาชนก็ไม่แพ้คดี“

ด้านพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาหนี้ของข้าราชการพบว่า การหักเงินเดือนและการชำระหนี้ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบบสินเชื่อสวัสดิการ ทำให้ข้าราชการมีเงินเดือนไม่ถึง 30% ดังนั้น คณะกรรมการชุดนี้จึงพิจารณาร่วมกันว่าจะทำให้ข้าราชการมีเงินเดือนเหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือน สำหรับแนวทางการแก้ไขหนี้สินข้าราชการ จะเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ สามารถให้ข้าราชการปลดหนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าบางรายไม่สามารถทำให้เงินเหลือมากกว่า 30% ของเงินเดือนได้ จะใช้วิธีการขยายงวดชำระเงินต้นออกไปให้อายุถึง 75 ปี จะส่งผลให้เงินต้นลดลงโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ จะหาเงินกู้พิเศษจากสหกรณ์ออมทรัพย์ของตัวเองในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม และหากสมมุติว่ายังเหลือเงินไม่ถึง 30% อีก ซึ่งเชื่อว่าจะเหลือแค่บางรายเท่านั้น เราจะนำมาวิเคราะห์และแก้ไขเฉพาะราย เพื่อให้เกิดการปลดหนี้ให้มีสภาพชีวิตที่อยู่ด้วย โดยจะเดินหน้าและเกิดผลสัมฤทธิ์ในเดือน ม.ค.67 เป็นต้นไป แต่ต้องขอความร่วมมือจากกรมบัญชีกลาง และต้นสังกัดของข้าราชการ 

ขณะที่นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงภาพรวมหนี้ของข้าราชการทั้งระบบว่า ข้าราชการที่อยู่ในระบบเงินกู้สหกรณ์มียอดรวมทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่กระทรวงศึกษาธิการประมาณ 8 แสนคน กระทรวงสาธารณสุข 2 แสนกว่าคน ตำรวจ 2.3 แสนคน สำหรับแนวทางการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการนั้น เราจะดูแลข้าราชการในระบบสวัสดิการและรัฐบาลจะดูแลเรื่องการหักเงินเดือนให้ทุกหน่วย  

เมื่อถามถึงการแก้ไขหนี้บัตรเครดิตที่มีเก็บดอกเบี้ย 18% ต่อปี ขณะที่นายกรัฐมนตรีระบุในการแถลงข่าวแก้หนี้นอกระบบให้เก็บดอกเบี้ยในอัตราที่ไม่เกิน 15% ต่อปี ทางคณะกรรมการฯจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เรื่องบัตรเครดิตอัตราดอกเบี้ยตามข้อตกลงเดิมบวกกับเบี้ยปรับในรายการผิดชำระ ตรงนี้มีการอ้างอิงประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ทำได้ไม่เกินร้อยละ 3 ฉะนั้น การประชุมแก้ไขหนี้ในส่วนที่เหลือ จะมีแนวทาง ตอนนี้ขอพิจารณาให้รอบคอบเพื่อให้พร้อมที่จะเสนอนายกฯ เพื่อแถลงในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มที่จะเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิต 15% หรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ก็มีแนวโน้ม