posttoday

กมธ.ฟอกเงินสภาฯ เตรียมเชิญปปง.ให้ข้อมูล ไล่บี้ เส้นทางการเงิน ปมหุ้นสตาร์ค

18 ตุลาคม 2566

กมธ.ฟอกเงิน อัด ก.ล.ต. ทำงานล่าช้า ปมหุ้นสตาร์ค ปล่อยผู้เกี่ยวข้องบางคน หนีออกนอกประเทศ เตรียมเรียกป.ป.ง. ให้ข้อมูล ไล่บี้ เส้นทางการเงิน เผย นายกฯ ให้ความสำคัญตลาดทุน หวังทำให้มีความน่าเชื่อถือ ผู้เสียหาย รวมตัวร้อง กมธ. วอนตั้งกองทุนเยียวยาผู้เสียหาย

วันที่ 18 ต.ค.ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล เป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ โดยมีวาระการพิจารณากรณีหุ้น Stark หรือบริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเชิญผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าร่วมประชุม 

นายเลิศศักดิ์ กล่าวภายหลังประชุมว่า ตัวแทน ก.ล.ต.ให้ข้อมูลในภาพรวม กมธ.พยายาม เจาะลึกลงไปถึงการอายัดทรัพย์ เพราะเห็นว่า ข้อมูลที่มีอยู่ยังไม่มีความชัดเจน แต่ก.ล.ต.ไม่ให้สามารถให้รายละเอียด โดยอ้างว่าต้องทำเรื่องขอข้อมูลไปยัง ก.ล.ต.ดังนั้นในเรื่องข้อมูลจึงยังไม่สามารถจบได้ สัปดาห์หน้าหลังจากเชิญตัวแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  มาชี้แจงแล้ว กมธ.จะสามารถเจาะลึกลงไปถึงเส้นทางการเงินได้ว่าเป็นอย่างไร ใครจะมีอำนาจในการอายัดทรัพย์ และถ้าอายัดแล้วติดตามไปถึงไหน

น่าเห็นใจว่า ก.ล.ต.ไม่สามารถเข้าไปเจาะลึกได้ ขณะที่ ปปง. ที่มีบทบาทโดยตรงแต่ก็ยังไม่มีแอคชันอะไรออกมา แตกต่างจากกรณี้หุ้นมอร์ ที่มีการปั่นหุ้น เมื่อเจอความผิดปกติ และแจ้งมาที่ ปปง.สามารถอายัดก่อนที่จะมีการโอนจ่ายเงินก่อนได้และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างไรก็ตามกรณีหุ้นสตาร์ค น่าจะมีการร้องไปที่ปปง.แล้ว โดยกมธ.จะซักถามว่ามีใครเป็นผู้ร้องและ ปปง.ได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง 

นายเลิศศักดิ์กล่าวว่า ตัวแทน ก.ล.ต.ยังชี้แจงว่า ได้แจ้งไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้ดำเนินการอายัดและห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งตนมองว่า เป็นการดำเนินการที่ล่าช้าเกินไป ก.ล.ต.ชี้แจงว่าเป็นความคิดเห็นของแต่ละคน เพราะต้องพิจารณาถึงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา เพราะจะกลายเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่กมธ. ก็เห็นใจผู้เสียหายซึ่งเป็นนักลงทุน จึงอยากให้ดำเนินการโดยเร็ว อย่างไรก็ตามหลังจากเชิญ ปปง.มาชี้แจงแล้ว และเห็นว่าเรื่องยังไม่จบจะมีการตั้งอนุกมธ.ขึ้นมาพิจารณาตรวจสอบเชิงลึกว่าเส้นทางเงินไปทางไหน และจะติดตามทวงคืนอย่างไร ซึ่งอนุกมธ.จะมีอำนาจเต็มในการเรียกข้อมูลจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งให้เปิดเผยต่อสาธารณชน 

“เราจะพยายามหาข้อสรุปให้เร็ว เพราะขณะนี้เกิดความเสียหายจำนวนมาก และบางคนหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ได้แต่งตั้งพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการ ป.ป.ง.ซึ่งมีประสบการณ์ในการติดตามเส้นทางการเงินของนายราเกซ สักเสนา อดีตผู้บริหารบีบีซี เพราะเส้นทางเงินคงไม่ต่างกันมาก จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร การติดตามเส้นทางการเงินปัจจุบันไม่ลำบากเหมือนในอดีต จึงเชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้สูง และจะใช้เวลาเร็วกว่าในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เราไม่มีหน้าที่ดำเนินการติดตามตรวจสอบ ทำได้เพียงจี้ไปยังหน่วยงานเหล่านั้นว่า ดำเนินการไปถึงไหน และเร่งรัด โดยจะมีการรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.คลัง ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องตลาดทุนด้วย เราอยากเห็นตลาดทุนไทยมีความน่าเชื่อถือและมั่นคง ไม่อยากให้ปัญหานี้เกิดขึ้น ซึ่งอนุกมธ.ต้องศึกษาด้วยว่า ควรจะมีการศึกษาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องบางเรื่องหรือไม่เพื่อช่วยระงับความเสียหายของนักลงทุนให้เร็วขึ้น”นายเลิศศักดิ์กล่าว
 
ต่อมานายเลิศศักดิ์ พร้อมคณะ ได้รับหนังสือจากตัวแทนกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้ Stark นำโดยนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการและทนายความ เพื่อขอให้สภาฯ และ ก.ล.ต.ติดตามแก้ไขปัญหาหุ้นสตาร์คโดยเร่งด่วน โดยทางกลุ่มฯ พร้อมให้การสนับสนุนให้ข้อมูล ความคิดเห็น พร้อมส่งตัวแทนกลุ่มในฐานะผู้เสียหายเข้าร่วมในการตรวจสอบของ กมธ. พร้อมทั้งขอให้พิจารณาจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย หรือประสานรวบรวมข้อมูลและบูรณาการการทำงานจากหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ เพื่อคืนความเป็นธรรม และฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับระบบกฎหมายและระบบตลาดเงินตลาดทุนของประเทศ

นายวีรพัฒน์กล่าวว่า ทางกลุ่มจะเดินหน้าฟ้องดำเนินคดีเพื่อฟ้องแทนผู้เสียหายทุกคน หรือที่เรียกว่าการดำเนินคดีแบบกลุ่ม โดยหากชนะ จะขออนุญาตศาลให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแบ่งค่าเสียหาย โดยรายละเอียดต่างๆ จะมีการเปิดเผยต่อไป