ปดิพัทธ์ เผยลาออกรองประธานสภาฯ ขอหารือกก.ก้าวไกลชุดใหม่เท่านั้น
ปดิพัทธ์ สันติภาดา เผยลาออกจากรองประสภาหรือไม่ ขอหารือกก.บห.ชุดใหม่เท่านั้น ลั่นไม่ควรโดนข้อจำกัดรธน.บีบให้ทำสิ่งที่ไม่ตรงไปตรงมา
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่หลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรโดยขอหารือกับคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลชุดใหม่ ที่จะมีการเลือกในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายนนี้ก่อน
นายปดิพัทธ์ กล่าวถึงกรณีหากพรรคก้าวไกลจะมีมติขับออกจากสมาชิกพรรคไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้ และให้พรรคก้าวไกลสามารถมีตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรด้วยว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเพราะข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีประเทศใดใช้เทคนิคกฎหมายแบบนี้เพราะได้รับการเลือกตั้ง สส. ได้รับมติจากสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่ควรโดนข้อจำกัดต่างๆมาบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ตรงไปตรงไปมา แต่หากพรรคเห็นสมควรอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องของพรรค แต่ตนเองก็พร้อมทำหน้าที่ของตนเองเต็มที่
ส่วนหากพรรคก้าวไกลมีมติอย่างไรก็พร้อมปฏิบัติตามหรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุเพียงว่า ตนเองยังไม่ทราบมติพรรคจึงขอรอมติพรรคก่อน และตนเองก็จะต้องพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เท่านั้นว่า แนวทางต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร พร้อมมั่นใจว่า การตัดสินใจของพรรคก้าวไกล จะเป็นประโยชน์ที่ไม่ใช่กับพรรคเท่านั้น แต่เป็นประโยชน์ของประเทศชาติ และการได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกพรรคฯ กล่าวถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ขณะนี้ ถูกศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ สส. ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าพรรคคนใหม่ สามารถขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ว่า หลังจากนี้ พรรคฯ จะต้องมีการพูดคุยกับนายปดิพัทธ์อีกครั้ง และมีกระบวนการตัดสินใจดำเนินการกันพอสมควรว่าจะเป็นอย่างไร โดยยังไม่สามารถสรุปในตอนนี้ได้ทันที แต่เบื้องต้น พรรคก้าวไกล ได้ตัดสินใจหาผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ส่วนโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะเก็บไว้ทั้งตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายรังสิมันต์ ระบุว่า พรรคฯ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันถึงขั้นนั้น ซึ่งจะต้องรอพูดคุยกับนายปดิพัทธ์ก่อน และเมื่อมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาทำงานแล้ว พรรคฯ คงจะต้องดำเนินการหาตัวผู้นำฝ่ายค้านฯ ก่อน แต่สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น จะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยังพอดีเวลา