posttoday

นายกฯเศรษฐาเข้าทำเนียบฯวันแรก ก่อนนำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์

05 กันยายน 2566

นายกฯเศรษฐาเข้าทำเนียบรัฐบาลวันแรก นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ก่อนปฎิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ประชุมครม.นัดพิเศษ 6กันยายน 2566 เพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา 12-13 กันยายน 2566

เมื่อวันที่ 5กันยายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งแรก เวลา 10.30น.

จากนั้นเวลา 11.30น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ฯ ในเวลาประมาณ 14.00 น.ก่อนปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ

สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กำหนดให้ “รัฐบาลเศรษฐา1” ถ่ายรูปร่วมกันด้วย

มีรายงานว่า วันที่ 6 กันยายน 2566 รัฐบาลเศรษฐา1 ได้นัดประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณารายละเอียด และการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาที่คาดว่าจะมีขึ้นวันที่ 11-12 กันยายน 2566 

ทั้งนี้การเข้าเฝ้าถวายสัตย์ เป็นไปตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ มีเจตนารมณ์ให้การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจในการปฏิบัติหน้าที่ และกระทำเบื้องหน้าพระพักตร์เท่านั้น

การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นการยืนยันความสัมพันธ์ ระหว่างคณะรัฐมนตรีกับพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีบุคคล4ประเภทที่ต้องถวายสัตย์ก่อนปฏิบัติหน้าที่ได้ แก่ 1.องคมนตรี 2.คณะรัฐมนตรี 3.ผู้พิพากษา 4.ตุลาการ ต่างจากการปฏิญาณตน ซึ่งเป็นการสาบานโดยไม่ต้องมีผู้รับก็ได้ และเมื่อผู้รับไม่ได้อยู่ด้วย ปกติจึงใช้ถ้อยคำ หรือข้อความที่ตายตัวไม่เปลี่ยนแปลง 

ที่มา สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี  
 

มาตรา 161

ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้

“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ในกรณีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนที่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ ให้คณะรัฐมนตรีนั้นดำเนินการตามมาตรา 162 วรรคสองได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้คณะรัฐบมนตรีตามมาตรา 168 (1) พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมดังกล่าว