posttoday

นายกฯเศรษฐาแจงปมปากกาหมึกหมดไม่ได้ขว้าง ขอโทษทำให้เข้าใจผิด

04 กันยายน 2566

นายกฯเศรษฐานัด16รัฐมนตรีเพื่อไทยวางนโยบายกรอบการทำงานร่วม แจงกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000จ่ายครั้งเดียว 5ก.ย.2566เข้าทำเนียบฯครั้งแรกในฐานะผู้นำรัฐบาล แจงปมปากกาหมึกหมดระหว่างจดปัญหาวินจยย.รับจ้างขอโทษหากทำให้เข้าใจผิด

ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ปรากฎในโซเชียลกรณีโยนปากกาขณะรับฟังเสียงสะท้อนของกลุ่มวินจยย.รับจ้างว่า ขอโทษหากภาพที่ออกมาจะบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เพียงแต่การหารือกับวินรถจักรยานยนต์มีหลายประเด็นจึงต้องรีบจดเพื่อเตรียมตอบคำถาม เมื่อเขียนไปแล้วปากกาหมึกหมด ตนเองจึงแจ้งและปล่อยลงบนโต๊ะ ยืนยันว่าไม่ได้ขว้างปากกาก็เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว การจะทำอะไรหลังจากนี้ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไป ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกของตัวเรา แต่คนที่ดูอยู่อาจเข้าใจผิดและจะพยายามระมัดระวังตัวมากขึ้น    
 

นายเศรษฐา กล่าวถึงแผนงานสำคัญที่จะเริ่มดำเนินในสัปดาห์นี้ว่า วันนี้จะมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท และจะจ่ายแบบครั้งเดียว ไม่มีแบ่งจ่ายตามที่นักวิชาการวิพากษ์วิจารณ์

สำหรับช่วงเที่ยงวันนี้ จะมีการนัดกินข้าวหารือกับว่าที่รัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทย 16 ท่าน เรื่องของนโยบาย การทำงาน เพราะมีหลายคนที่ได้พบและพูดคุยกันเพียงผิวเผิน ซึ่งการพูดคุยในวันนี้จะพูดคุยสไตล์การทำงาน และความคาดหวังที่จะเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้

วันพรุ่งนี้(5ก.ย.2566) จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลช่วงเช้า ซึ่งตามกำหนดการจะถึงทำเนียบประมาณ 10.30 น.ส่วนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่อาจจะต้องใช้กรอบงบประมาณจากปี 2566 ยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล
 

ส่วนการหารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.2566) ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุทิน คลังแสง ก็เน้นเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งเมื่อวานนี้ขาดว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศที่ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ แต่ก่อนหน้านี้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว ซึ่งเรื่องที่พูดคุยเมื่อวานนี้เน้นการลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน และยังติดตามความคืบหน้าของกองทัพที่ผ่านมาว่าดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว

ส่วนเรื่องนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เปลี่ยนนโยบายเป็นเกณฑ์ทหารอย่างสมัครใจ ทางผู้บัญชาการเหล่าทัพมีความเห็นอย่างไรบ้างนั้น นายเศรษฐา ระบุว่า เรื่องนี้ขอให้เป็นการแถลงร่วมกันของผู้นำเหล่าทัพหลังจากนี้ ซึ่งตอนนี้ขอให้เข้าบริหารราชการแผ่นดินก่อน โดยเมื่อวานเป็นการพูดคุยกันเบื้องต้น และรอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เข้าพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพอย่างเป็นทางการก่อน

ส่วนเรื่องงบประมาณของกองทัพยังไม่ได้พูดคุยถึงขั้นนั้น เมื่อวานเป็นเพียงการพูดคุย รับฟังความเห็นกันเท่านั้น ตัวเองในฐานะที่เข้ามารับตำแหน่งตรงนี้ต้องยอมรับว่ายังใหม่ จึงต้องเข้าไปฟังว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพมีแนวความคิดและการทำงานอย่างไรบ้าง ที่นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคง ปลอดภัย ภายในประเทศ อย่างหน่วยงาน กอ.รมน.ก็ยังไม่ทราบว่ามีกรอบการทำงาน ว่าทำหน้าที่อะไรบ้าง ก็ต้องไปรับฟังจากทุกท่าน ซึ่งยังต้องพูดคุยถึงขอบเขตการทำงานของกองทัพ จึงจำเป็นต้องขอความ อนุเคราะห์จาก ผบ. เหล่าทัพอย่างว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ที่จะร่วมเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกาวันที่ 18 ก.ย.2566 

ส่วนเรื่องการปรับการประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชน นายเศรษฐา ยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ติดขัด แต่มีหลายอย่างที่กองทัพประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึงที่เป็นโครงการดีๆเพื่อประชาชน หลายเรื่องประชาชนอาจจะรับรู้ไม่ทั่วถึง รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่อาจไม่ได้มีการชี้แจง อย่างตรงไปตรงมาและแพร่หลาย เรื่องนี้จึงต้องเข้ามาช่วยดูแล ปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่า บางอย่างที่กองทัพทำสิ่งดีๆออกมาแต่ไม่ได้ถูกประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ตนเองจึงอยากให้ความเป็นธรรมกับกองทัพ เพราะหากเปลี่ยนเรื่องการประชาสัมพันธ์ให้ดีขึ้นประชาชนจะได้รับทราบ

ขณะเดียวกันเรื่องผู้ทรงคุณวุฒิของกองทัพที่มี ประสบการณ์การทำงานจะมีการดึงเข้ามาช่วยงานด้วยหรือไม่นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ซึ่งจะต้องเป็นการ ประชุมกันอย่างเป็นกิจลักษณะ ย้ำว่า เมื่อวานเป็นเพียงการฟังความคิดเห็นเท่านั้น ส่วนงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ที่รัฐบาลก่อนชะลอไว้ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกันกับกองทัพเรือ.