posttoday

สุพันธุ์ติงเกณฑ์ใหม่เบี้ยผู้สูงอายุบีบให้แก่และจนจึงได้รัฐสวัสดิการ

19 สิงหาคม 2566

สุพันธุ์ติงเกณฑ์ใหม่เบี้ยผู้สูงอายุบีบให้ต้องแก่และจนจึงได้รัฐสวัสดิการ สวนทางสังคมสูงวัย-เศรษฐกิจถดถอย แนะกระตุ้นการบริโภคพยุงเศรษฐกิจประเทศด้วยบำนาญประชาชน 3,000 บาท

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคและ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทยเปิดเผยถึงกรณีการออกประกาศระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา นอกจากเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว ยังเป็นการทำให้ประเทศเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในทางหนึ่งด้วย 

นายสุพันธุ์ระบุว่า ประการแรกการที่เปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าวอาจทำให้ในอนาคตมีผู้สูงอายุได้รับเงินเบี้ยยังชีพยากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุอย่างมากในอนาคตและการออกประกาศดังกล่าวไม่ได้ออกพร้อมกับกฎเกณฑ์ใหม่ จึงอาจทำให้ประชาชนตื่นตระหนกโดยเฉพาะในเรื่องการต้องพิสูจน์สิทธิ์ ดังนั้นจึงควรที่จะมีการออกเกณฑ์มาให้เรียบร้อยก่อนจึงประกาศ

ทั้งนี้ ปัญหาที่สำคัญในมุมเศรษฐกิจคือการปรับเปลี่ยนเกณฑ์ดังกล่าวที่อาจทำให้มีประชาชนจำนวนมากในอนาคตไม่ได้รับเงินจำนวนนี้ ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว และจะส่งผลโดยตรงต่อระบบเศรษฐกิจเพราะปัจจุบัน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้นไม่เพียงพอในปัจจุบันเพราะเงิน 600 -1,000 บาท นั้น เฉลี่ยจะได้ 20-33 บาทต่อคนต่อวันเท่านั้น ผู้สูงอายุจะได้กินไข่มื้อละฟองเท่านั้นเอง นอกจากจะไม่เพียงพอแล้วยังทำให้คนไทยต้อง ทั้งแก่ ทั้งจน จึงจะได้รับการดูแลจากรัฐ และยังเป็นการดูแลที่ไม่เพียงพอด้วย 

สำหรับปัญหาใหญ่ของประเทศอีกประการคือตอนนี้คือเครื่องจักรสำคัญ ๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนั้นย่ำแย่หมดแล้ว ทั้งการลงทุนที่ชะลอตัวจากทั้งภาครัฐและต่างประเทศ การส่งออกที่ทำได้ไม่ตามเป้า และการท่องเที่ยวที่เริ่มชะลอตัวลง ดังนั้นเครื่องจักรตัวเดียวที่พอจะพยุงเศรษฐกิจให้ไปต่อได้คือการบริโภคในประเทศ

นายสุพันธุ์ เสนอว่า พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายบำนาญประชาชนที่พร้อมจะผลักดันเป็นกฎหมายเข้าสภาต่อไป เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะนอกจากจะช่วยให้คนแก่ได้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระกับลูกหลานแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศและระดับชุมชนให้มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้นทุกเดือน ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก มีการหมุนเวียนเงินในชุมชน และสุดท้ายก็จะกลับมาเป็นภาษีให้กับประเทศให้ผู้สูงอายุต้องได้เงินคนละ 3,000 บาท เพื่อไม่ต้องตกอยู่ภายใต้เส้นความยากจน เป็นการแก้ปัญหาคนจนอย่างยั่งยืน และกระตุ้นเศรษฐกิจการบริโภคไปพร้อมกัน

ดังนั้นตนและพรรคไทยสร้างไทย จึงอยากให้ทางกระทรวงมหาดไทยทบทวนการออกประกาศดังกล่าว และ ฝากไปถึงคณะกรรมการผู้สูงอายุที่จะกำหนดกฎเกณฑ์ในการรับเบี้ยผู้สูงอายุเกณฑ์ใหม่ให้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ผู้สูงอายุ และประเทศชาติ และพรรคไทยสร้างไทยพร้อม สส. ทั้ง 6 คนพร้อมที่จะขับเคลื่อนกฎหมายบำนาญประชาชนต่อไปเพื่อแก้ปัญหาทั้งปัญหาสังคมผู้สูงอายุ และ ปัญหาเศรษฐกิจต่อไป