posttoday

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ รุมต้าน มหาดไทย แก้หลักเกณฑ์แจกเบี้ยยังชีพ ผู้สูงอายุ

14 สิงหาคม 2566

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ประสานเสียง รุมต้าน กระทรวงมหาดไทย แก้ระเบียบจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ ราเมศ หวั่น ประชาชน ไม่ได้รับสวัสดิการถ้วนหน้าเช่นเดิม จี้ ทบทวน การกำหนดคุณสมบัติ อนุสรณ์ อัด สร้างเงื่อนไขเลือกปฏิบัติ ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ อัด วางยาทิ้งทวน

ภายหลังจาก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกระเบียบวิธีการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ฉบับใหม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากฉบับเดิม มีความเห็นจากนักการเมืองแสดงความไม่เห็นด้วยจำนวนมาก โดยเฉพาะสมาชิกจากพรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาธิปัตย์

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ต้องทบทวนระเบียบดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการเพิ่มคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะมีผลกระทบต่อประชาชนที่กำลังจะเข้าสู่การรับสิทธิเบี้ยยังชีพ

ด้วยเงื่อนไขที่ได้กำหนดขึ้นใหม่ กำหนดว่า “เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด” ต่อจากนี้จะต้องมีการพิสูจน์ว่าเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอหรือไม่ ประชาชนจะไม่ได้รับสวัสดิการนี้ถ้วนหน้าเช่นเดิม สังคมกำลังรอคำอธิบายจากกระทรวงมหาดไทย และจำต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วนเพื่อปรับปรุงแก้ไขไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติและให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

นายราเมศกล่าวว่า แม้เงื่อนไขนี้จะไม่กระทบกับประชาชนที่เคยได้อยู่แล้ว เพราะมีบทเฉพาะกาลรองรับอยู่ที่เขียนไว้ว่า “ผู้สูงอายุ ที่ได้ขึ้นทะเบียนและได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุอยู่ก่อนระเบียบนี้ก็ให้มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไปได้” แต่ในเรื่องการกำหนดคุณสมบัติใหม่นั้นต้องทำการทบทวน 

นายราเมศกล่าวว่า เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ริเริ่มในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กำหนดให้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน แบบเบี้ยยังชีพถ้วนหน้า ยกเว้นผู้ที่ได้รับบำเน็จบำนาญ จึงเป็นนโยบายที่พรรคให้ความสำคัญมาโดยตลอด และเป็นนโยบายที่พี่น้องประชาชนที่ได้เสียภาษีให้รัฐมาตลอดชีวิตได้ประโยชน์ อย่างน้อยมีเงินจากรัฐที่ได้จัดสรรให้มาใช้จ่ายในวิถีชีวิตบางส่วน

ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็จะมีพรรคการเมืองหลายพรรคมีการเสนอให้ในจำนวนเงินที่แข่งขันกันว่าพรรคตนให้มากกว่า แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเล็งเห็นและให้ความสำคัญต่อผู้สูงอายุมาก่อนพรรคการเมืองอื่น จนเป็นรากฐานที่สำคัญมั่นคงมาถึงปัจจุบัน สำหรับเรื่องนี้พรรคก็จะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจแย่ บ้านเมืองเผชิญกับวิกฤตมาตลอด8-9ปี ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า รัฐบาลรักษาการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความจำเป็นอะไรถึงต้องไปเพิ่มเงื่อนไขในคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุดังกล่าว เป็นการทำลายหลักการรัฐสวัสดิการแบบถ้วนหน้า ตอกย้ำระบบรัฐสงเคราะห์ที่เลือกปฏิบัติ เลือกให้เฉพาะคนจน หรือคนอนาถา เป็นการกระทำที่ขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และหลักสากล เป็นการสร้างเงื่อนไขและเลือกปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องที่กระทบสิทธิของพี่น้องประชาชนอย่างรุนแรง 

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาลรักษาการ แต่ไม่รักษาอาการ เหมือนการวางยาทิ้งทวน ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ ผิดปกติวิสัยที่รัฐบาลรักษาการไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง รัฐบาลรักษาการควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดำเนินการจะถูกต้องเหมาะสมกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ปากประกาศวางมือ แต่ใจเหมือนคิดวางยาหรือไม่ อย่าผูกขาดทวงบุญคุณกับประชาชนว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น ที่จะดูแลผู้สูงอายุได้ คือหลักฐานหนึ่งที่สนับสนุนว่าทำไม 10 เดือนถึงไม่รอ เพราะหากเวลาที่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาช้าไปเท่าไหร่ ก็เท่ากับเป็นการเติมโปรโมชั่นพิเศษให้รัฐบาลรักษาการอยู่นานขึ้นไปเรื่อยๆ

“ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะรีบเข้ามาทำงานและผลักดันนโยบายที่จะเยียวยาแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 10000 บาท ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ลดทันที พักหนี้เกษตรกร 3 ปีทั้งต้น ทั้งดอก”นายอนุสรณ์กล่าว