ชูวิทย์ ไม่สน เศรษฐา ฟ้องปิดปาก เย้ย ตกหลุมพราง ขู่ เตรียมงัดข้อมูลใหม่ แฉกลับ

เวลา13.00น. วันที่7ส.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมือง เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อยื่นกล่าวโทษเจ้าพนักงานที่ดินเขตพระนคร ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 หรือไม่ จากกรณีการสนับสนุนจาก บมจ.แสนสิริ และผู้ขายที่ดิน พร้อมกับตอบโต้ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย หลังจากมอบอำนาจให้ทนายไปยื่นฟ้อง และกรณีถูกแถลงข่าวพาดพิง

นายชูวิทย์กล่าวว่า นายเศรษฐา กับตน เคยคุยกัน แต่ในการคุยกันนั้นเป็นเรื่องปกติ บอกว่าที่ดินของตน ไม่ว่าจะมาถามกี่ครั้ง บอกได้แค่ว่า ขายไปแล้ว จะไปขายซ้ำอีกไม่ได้ การจะเอาภาพที่คนเคยไปพูดคุย มากล่าวหาว่า แบล็กเมล ไม่เป็นอะไร เพราะหลักฐานต่างๆนั้นมีอยู่ 

กรณีที่นำรูปภาพตนกับนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8ก.ย.2565 มาเปิดเผย พร้อมตั้งข้อสงสัยประเด็นในการไปพูดคุยครั้งนั้น ในทำนองไม่พอใจที่จะนำที่ดินไปขายให้บริษัทแสนสิริ แต่ขายไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ นายเศรษฐา ให้ลูกน้องมาเชิญไปคุยที่ The base77 แถวอ่อนนุช จึงได้ไปพูดคุย ในระหว่างพูดคุยนั้น เห็นว่า นายเศรษฐาค่อนข้างหงุดหงิด เป็นประเภทปากไว ใจร้อน อีโก้สูง เวลาคุยกับตน ก็ด่าลูกน้องตลอด 

นายชูวิทย์ ยังได้แสดง ข้อความที่เคยส่งไปหานายเศรษฐา รวมทั้งข้อความที่นายเศรษฐาตอบกลับ

เมื่อวันที่ 16 September 2565 ตนส่งข้อความไปว่า  
“ผมเห็นว่า วันก่อน คุณค่อนข้างหงุดหงิด รักษาสุขภาพดีกว่าครับ อายุก็ห่างกับผมไม่มาก มีความสุขใจดีกว่า เงินก็มีเยอะอยู่แล้ว รู้จักกันนานๆมากๆดีกว่าครับ อนาคตคุณยังอีกไกล”

ต่อมานายเศรษฐา ตอบมาว่า “ขอโทษที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้นครับ ไม่ได้หงุดหงิดเลยครับ เป็นคนใจร้อน อยากให้ถึงเป้าหมาย มีเงินน้อยกว่าคุณชูวิทย์ มีรายจ่ายเยอะกว่าครับ”

จากนั้นนายเศรษฐา ส่งกระเช้า และตนตอบไปอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 ก.ย. เพราะเป็นช่วงใกล้ปีใหม่ โดยพิมพ์ข้อความว่า ‘ขอบคุณสำหรับกระเช้าอวยพร ไม่มีโอกาสพบกัน ขออารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุณเศรษฐาและครอบครัว ประสบแต่สิ่งที่ดีเสมอไป’

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า นายเศรษฐาจะเป็นนายกฯ ส่วนตนเป็นคนธรรมดา ที่คิดจะแฉตนนั้น คิดผิด ที่วิพากษ์วิจารณ์ด้วยใจเป็นธรรม หากคิดจะแฉเรื่องนี้ ไม่สะดุ้งสะเทือน คุณต่างหากให้คนมาเชิญไปคุยที่ The base77 แถวอ่อนนุช ตนกับนายเศรษฐา ไม่ได้มีอะไรโกรธเคือง วิจารณ์ด้วยใจเป็นธรรม เพราะจะเสนอตัวเป็นนายกฯ จึงเป็นสิทธิที่จะวิจารณ์ได้ ไปฟ้องก็ไปฟ้องเถอะ ตนเป็นคนทำงานละเอียด ไม่ได้ทำงานซี้ซั้ว  
“การที่จะออกมาบอกว่า ไม่รู้เรื่อง เซ็นต์อย่างเดียว แล้ววันหนึ่งถ้าเป็นนายกฯ อาจจะเหมือน นส.ยิ่งลักษณ์ ที่เคยบอก ไม่ได้รับรู้ในเรื่องการปฏิบัติ ในการลงนาม หมายความว่า รับผิดชอบทั้งทางนิตินัย พฤตินัยอยู่แล้ว เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ปฏิเสธไม่ได้ ลองคิดดู เป็นพฤติการณ์แบบคนปกติหรือไม่ ที่มาปล่อยรูปแบบนี้ คิดหรือว่า สะดุ้งสะเทือนหรือ ไม่มี คนที่จะก้าวเป็นนายกฯ ถ้ามีความเล่ห์เหลี่ยมทางการค้า เป็นนายทุน คุณรับได้หรือไม่ และไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวอะไรเลย”นายชูวิทย์กล่าว 

ถามว่ากรณีนายเศรษฐา ใช้กระบวนการกฎหมาย นายชูวิทย์กล่าวว่า เป็นกระบวนการกฎหมาย พยายามปิดปาก แต่ปิดปากไม่ลง เพราะEP2 กับ EP3 กำลังจะเปิดออกมา เรื่องนี้ นายเศรษฐา ติดกับดัก เวลาจะแฉ พูดอะไรไว้ จะขุดหลุมไว้หลุมหนึ่ง เมื่อรีบปฏิเสธทันที แต่กลายเป็นตกหลุมไปแล้ว ต่อไปจะเอาหลักฐานอีกชิ้นมาเปิดให้ดู ขุดหลุม เพื่อล่อกระบวนการคนที่ผิด ให้หลวมตัวมาแก้ตัว

นายชูวิทย์กล่าวว่า ประเด็นเรื่องการเมือง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ไปทำดีลลับ บินไปฮ่องกง วางแผนกัน มีการเจรจาหลายครั้ง เชื่อมโยงถึงการโหวตนายกฯ เลื่อนการประกาศจับขั้ว บอกไม่เอา2ลุง แต่ไม่บอกว่า ไม่เอางูเห่า2ลุงด้วยหรือไม่ อาจจะตกลงตั้งรัฐบาลไปก่อน แล้วค่อยๆทยอยมากันตอนการเมืองเริ่มนิ่ง หลังกระแสเงียบ เรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงนายทักษิณ ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไร นายทักษิณ 10ส.ค.ไม่กลับประเทศไทย รวมทั้งขณะนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โดนล็อกคอ เรื่องหุ้น ที่ดินเขากระโดง เป็นเกมการเมืองโหดร้าย เพื่อไทยจะตั้งรัฐบาลได้ ก็ต่อเมื่อมีพรรคการเมือง2ลุง รวมทั้งได้รับเสียงสนับสนุนจากสว.

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า ภาพเมื่อวันที่8ก.ย.2565 เป็นเพียงการไปพูดคุย การนำมาเปิดเผยอาจจะหวังทำลายความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่มีปัญหา ตอนนั้นนายเศรษฐาเชิญไปคุย ก็ไปคุย แล้วให้คนมาโจมตีแบบนี้ ถ้าตกลงกับคุณจริงเรื่องซื้อขายที่ดิน ก็ต้องมีสัญญา แต่ไม่มี และที่ดินของตนตกลงจะขายให้กับบริษัทไรมอนด์แลนด์ และมีสัญญากันอยู่