posttoday

ภูมิธรรมย้ำเพื่อไทยยังหนุนพิธานั่งเก้าอี้นายกฯขอก้าวไกลชัดเจนก่อน 19 กค.

16 กรกฎาคม 2566

ภูมิธรรมย้ำเพื่อไทยพร้อมหนุนพิธาต่อรอบสอง แต่ขอความชัดเจนจากก้าวไกลก่อน 19 ก.ค.นี้ หากชวดเก้าอี้นายกอีกจะยังเสนอชื่อพิธาต่อหรือไม่ แต่ปัญหาบ้านเมืองรอไม่ได้

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบ 2 แต่ยังเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลหรือไม่ ว่า ยังมีปัญหาเรื่องการตีความข้อบังคับสภา ซึ่งในวันอังคารที่ 18 ก.ค.นี้ ประธานรัฐสภามีการเรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งต้องดูข้อสรุปตรงนั้นก่อนหากญัตติไม่ตกไปยังสามารถเสนอชื่อนายพิธาได้ พรรคเพื่อไทยก็ยินดียกมือให้ทั้ง 141 เสียง

แต่มีเงื่อนไขว่าต้องพูดให้ชัดเจนว่าไปถึงเมื่อไหร่ เพราะการโหวตครั้งแรกก็ชัดเจนว่าไปต่อไม่ได้ วันนี้ 312 เสียงยังเกาะกันแน่น แต่เสียงส.ว. ที่พรรคก้าวไกลพูดว่าได้เป็น 100 มั่นใจว่าจะได้ครบ ได้มาแค่ 13 เสียงซึ่งไม่พอ การจะไปหาเพิ่มอีก 50-60 เสียง จึงเป็นไปได้ยากที่จะได้ครบ เพราะฉะนั้นต้องพูดให้ชัด

หากเสียงออกมาเป็นแบบนี้ได้เท่าเดิม ลดน้อย หรือได้มากกว่าเดิมแต่ได้ไม่มากพอ ก็ต้องตอบให้ชัดว่าจะจบหรือยัง หรือจะยังไงต่อ หรือจะปล่อยให้ไปเรื่อย ๆ จนส.ว.หมดวาระในเดือนพ.ค.67 ก็มองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะบ้านเมืองมีปัญหารอการแก้ไขอยู่ ทุกคนรู้ว่าช่วงนี้เป็นไฮซีซั่นจึงต้องการรัฐบาลที่ชัดเจน จะเป็นรัฐบาลใดก็ได้แต่ขอให้มีนโยบายที่ชัดเจน และมีทิศทางที่จะผลักดันประเทศให้ไปต่อ ปัญหาประชาชนก็มากมาย ปล่อยไปเรื่อยๆคงไม่ได้

ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงต้องตอบให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร ถ้าชัดเจนทุกเรื่อง พรรคเพื่อไทยยินดีจะเสนอชื่อนายพิธาและยกเสียงให้ทั้งหมด แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงโรคแทรกซ้อน คือ การพยายามตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย หากเป็นเช่นนั้นพรรคก้าวไกลต้องตอบว่าเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ หากไม่เปลี่ยนแปลงเรื่องคะแนนเสียง เสนอไปแล้วได้รัฐบาลเสียงข้างน้อย จะทำให้พลาดโอกาสประเทศ และโอกาสของ 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล จึงต้อง มีข้อสรุปให้ชัดเจนทั้งสองเรื่องนี้ ถ้าชัดเจนก็จะบอกได้ว่าเสนอชื่อนายพิธาหรือไม่

นายภูมิธรรม ยังย้ำอีกว่า ถ้าข้อสรุปชัดเจนเรื่องของข้อบังคับการประชุมเรื่องเสียงสนับสนุน และการปิดทางโอกาสที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็พร้อมสนับสนุนนายพิธาในรอบสองตามเงื่อนไขนั้น แต่ต้องมีข้อสรุปกับเราว่าจะโหวตไปอีกเมื่อไหร่ที่คิดว่าไปต่อไม่ได้แล้ว เพราะรอบแรกก็เกือบจะสรุปได้แล้วว่าไปต่อไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะขอได้ต่อไปเรื่อยๆเราก็คงไม่ยอมให้ขอต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้นายพิธา ระบุว่าพร้อมเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยหากตั้งรัฐบาลได้ไม่สำเร็จ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานนี้นายพิธากล่าวว่าจะเปิด 2 สมรภูมิและถ้า 2 สมรภูมิไปไม่ได้แล้วจะเปิดทางให้เพื่อไทย ซึ่งตนคิดว่าไม่มีทางออก เพราะการแก้ไขมาตรา 272 เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ด้วยมีเงื่อนไขว่า ต้องได้เสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน 20%

แต่ขณะนี้ยังไม่มีรัฐบาล ยังไม่มีฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอเลือกนายกฯ 20% จากฝ่ายค้านจึงยังไม่เกิดขึ้น และแม้ว่ามี 20% จากฝ่ายค้านแล้วต้องได้รับเสียงสนบสนุนจาก ส.ว. 1 ใน 3 คือ 84 เสียง ซึ่งต้องตอบคำถามว่า 84 เสียงนี้หาจากไหน เพราะการเสนอตัวเป็นนายกฯของพิธาได้แค่ 13 เสียง

ดังนั้นการเสนอแก้ไขม.272 จึงเห็นได้แล้วว่าไปไม่ได้ แล้วจะรอไปจนถึงเมื่อไหร่ ตนจึงมองว่าเป็นการเสนอสู้เชิงสัญลักษณ์เท่านั้นไม่มีผลทางปฏิบัติ ดังนั้น 2 เงื่อนไข หรือ 2 สมรภูมิที่นายพิธาพูดถึงจึงไม่รู้ว่า จะไปถึงเมื่อไหร่ ดังนั้นประเทศจะรอนายพิธาหรือพรรคก้าวไกลฝ่ายเดียวไม่ได้ คนต้องการประชาธิปไตยโดยเร็ว จะให้ประเทศมารอความไม่ชัดเจนไม่ได้

เมื่อถามต่อว่าต้องได้คำตอบจากนายพิธา และพรรคก้าวไกลก่อนวันที่ 19 ก.ค.ที่เป็นการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ต้องได้ความชัดเจน เพราะการโหวตวันที่ 19 ก.ค.นี้จะโหวตในทิศทางอย่างไร ไม่ใช่โหวตไปเรื่อย ๆ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากเพื่อไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไร แต่แคนดิเดตของเพื่อไทยมีพร้อมอยู่แล้วถึง 3 คน จึงไม่ต้องเตรียมอะไร ก็สามารถเสนอได้เลย และเมื่อถามต่อว่าชื่อแรกที่จะเสนอคือนายเศรษฐาใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากชัดเจนว่าให้เพื่อไทยเป็นแกนนำเพื่อไทยก็พร้อมประชุมทันที และสามารถเสนอชื่อได้ทันทีเช่นกัน

ส่วนประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเพื่อไทยจะเปลี่ยนขั้วไม่เอาก้าวไกลแล้ว นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้เรายังไม่ได้เอาเงื่อนไขอื่นมาพิจารณา ยังขอยึดเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกับ 8 พรรค ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขเอ็มโอยูที่ตกลงร่วมกัน แต่กรณีที่นายพิธาเสนอแก้ไขม.272 ถือว่าอยู่นอกเหนือเอ็มโอยูเรื่องนี้ต้องมาคุยกัน

นายภูมิธรรม ยังกล่าวด้วยว่า ความเป็นไปได้ในตอนนี้อยู่ในมือนายพิธาและพรรคก้าวไกลที่จะต้องตัดสินใจ ว่าจะเดินไปอย่างไรต่อไปเพื่อให้ 8 พรรค รู้สึกสบายใจในการทำงานร่วมกัน เพราะหลังการแถลงของนายพิธาเมื่อวานนี้ 8 พรรคยังไม่ได้มีการคุยกัน 

อีกทั้งมองว่า กรณีที่นายพิธาโยนความรับผิดชอบให้ประชาชนว่าต่อไปนี้อนาคตของตนและก้าวไกลอยู่ที่ประชาชนนั้น ตนก็ยังไม่เข้าใจในความหมายนี้ เพราะเวลานี้ตนมองว่า ปัญหาประชาชน รวมถึงอนาคตของประเทศอยู่ในมือของนายพิธาและพรรคก้าวไกล ถ้าตัดสินใจได้ถูก ประเทศก็เดินหน้าต่อ ถ้าตัดสินใจไม่ถูกหรืออิงอยู่กับพื้นฐานของตัวเองเป็นหลัก ตนก็มองว่า ประเทศยังมีปัญหามาก และปัญหาของประชาชนก็รอไม่ได้เช่นกัน 

สำหรับกรณีการบ้านเรื่องข้อบังคับและขั้วรัฐบาลเดิมชิงเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแข่ง หลังเพื่อไทยและก้าวไกลคุยกันเมื่อวันศุกร์ที่ 14 ก.ค.ดำเนินการถึงขั้นตอนไหนแล้ว นายภูมิธรรม ระบุว่า ได้มีการนัดหมายหารือกันวันจันทร์ที่ 17 ก.ค.ในเวลา 17.00 น. แต่เรื่องสถานที่รอพรรคก้าวไกลเป็นผู้กำหนด ซึ่งคาดว่าจะเป็นการคุยกัน 8 พรรค โดยเลื่อนมาจากกำหนดการเดิมวันที่ 18 ก.ค. เนื่องจากวันดังกล่าวประธานรัฐสภานัดหารือวิป 3 ฝ่าย 

ทั้งนี้ จากการคุยกันล่าสุดระหว่างเพื่อไทยและก้าวไกล ทางพรรคก้าวไกลได้ขอให้เพื่อไทยช่วยหาเสียงจากส.ว.หรือไม่ นายภูมิธรรม ยอมรับว่าเป็นห่วง เพราะการโหวตครั้งแรกไม่เป็นไปตามเป้าหมายได้มาแค่ 13 เสียง ซึ่งก้าวไกลเองก็ยอมรับว่าผิดคาดที่คิดว่าจะได้มากกว่านี้ จึงได้ มีการถามกลับไปยังก้าวไกลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ

แต่ก้าวไกลเองก็ยังไม่มีคำตอบว่าจะใช้วิธีการใด หรือจะได้เสียงจากส.ว.อีกเท่าไหร่ เพียงแต่บอกว่าขอเวลาแก้ปัญหานี้ แต่ทางเพื่อไทยก็ยืนยันว่าต้องมีทางออกที่ชัดเจน ว่าสรุปแล้วมีกี่เสียงที่สนับสนุน และจะได้เพิ่มมาอีกกี่เสียงเพื่อจะได้ประเมินว่าเป็นตามนั้นหรือไม่ เพราะครั้งแรกเราเชื่อหมดใจได้แน่นอน 100 คนตามที่ก้าวไกลระบุ ทว่าผลที่ออกมาถือว่าผิดพลาดมาก ซึ่งห่างไกล 376 เสียงมากทำให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าเดินต่อได้ยาก  

ดังนั้น นายพิธาและพรรคก้าวไกลต้องตัดสินใจแล้วว่าถ้าจะไปต่อจะไปต่ออย่างไร เพื่อให้ 8 พรรคร่วมเข้าใจสถานการณ์ร่วมกัน ส่วนเรื่องข้อบังคับที่อาจจะไม่สามารถยื่นญัตติซ้ำได้ นายภูมิธรรมระบุว่า ก็ขึ้นอยู่กับสภา เพราะมติสภาถือเป็นที่สิ้นสุดหากดำเนินการได้ก็พร้อมที่จะยกมือสนับสนุน  แต่หากบอกว่าไปต่อไม่ได้ 8 พรรคจะต้องประชุมร่วมกันว่าจะทำอย่างไรต่อ