'ชวน หลีกภัย'มอง2พรรคแย่งเก้าอี้ประธานสภาเพราะอยู่ฝ่ายเดียวกัน

นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ารายงานตัวเป็น ส.ส. ต่อรัฐสภา พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงความไม่ลงตัวในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ว่า คงไม่น่ามีปัญหาหรือความวุ่นวาย โดยทั่วไปแล้วการจัดตั้งรัฐบาล พรรคที่เป็นเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยจะอยู่คนละฝ่ายกัน แต่คราวนี้พรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 และ 2 อยู่ฝั่งเดียวกัน จึงมีปัญหาเรื่องการแย่งตำแหน่ง

ทั้งนี้ การเป็นประธานสภาฯ ไม่ได้สร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบในการบริหารกฎหมาย เพราะประธานสภาฯ ต้องเป็นกลาง เว้นแต่ประธานบางคนในอดีตที่มีปัญหา เนื่องจากฟังคำสั่งของรัฐบาลให้ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า ความกังวลของพรรคก้าวไกล คือ กลัวประธานสภาฯ จะไม่บรรจุวาระการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชวน ชี้แจงว่า หน้าที่ส่วนนี้เป็นของ นายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 เป็นผู้พิจารณาเรื่องระเบียบวาระ ซึ่งคราวนั้นมีความเห็นว่า ร่างแก้ไขดังกล่าวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 จึงส่งคืนกลับไปให้แก้ไข แต่ผู้เสนอญัตติไม่ได้แก้ จึงไม่ได้บรรจุ ซึ่งตนก็เห็นว่า นายสุชาติ วินิจฉัยได้รอบคอบ ซึ่งเป็นกฎหมายเพียงฉบับเดียว แต่กฎหมายฉบับอื่นไม่มีปัญหา แม้จะเป็นกฎหมายจากภาคประชาชน สภาก็ดูแลอย่างดี และเร่งรัดให้ด้วยซ้ำไป 

นายชวน ยังมองถึงการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ หากมาจากพรรคก้าวไกลว่า ยังพูดไปก่อนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่และสภาว่าจะผลักดันการแก้ไข มาตรา 112 ได้หรือไม่ และต้องดูว่าผู้ใดเป็นคนเสนอ หากรัฐบาลเป็นผู้เสนอ สภาก็จะพิจารณา เพราะรัฐบาลต้องใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบริหาร 

เมื่อถามถึงความพร้อมการทำหน้าที่ประธานสภา ระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ นายชวน กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องให้ความร่วมมือช่วยประธานสภาฯ ทำงาน เพราะเหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาระบบฝ่ายนิติบัญญัติ เชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ

สำหรับการเสนอคนนอกพรรคเป็นประธานสภาฯ ตามมารยาทของที่ประชุม สามารถทำได้หรือไม่ นายชวน ระบุว่า เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ตำแหน่งได้ตำแหน่งประธานสภาฯ แม้จะได้ลำดับ 4-5 แต่มีการขอให้ตนรับตำแหน่งประธานสภาฯ โดยไม่ตัดโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีออก ซึ่งในช่วงแรกตนปฏิเสธ แต่พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ไม่มีปัญหา แต่ต้องยอมรับว่า คราวที่แล้วมีสมาชิกรุ่นใหม่เข้ามาเยอะที่ยังไม่คุ้นกับระเบียบกฏเกณฑ์ เราจึงต้องช่วยกันประคับประคองในฐานะประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ

"ผมคิดว่าข้อขัดแย้งต่างๆ ไม่ใช่เรื่องหลัก แต่ที่สำคัญคือต้องทำให้ระบบนิติบัญญัติเดินต่อไปได้โดยปกติ เราผ่านประสบการณ์มา 4 ปี ได้รู้อะไรพอสมควร สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็คงจะค่อยดีขึ้นตามลำดับ" 

นายชวน ยังยืนยันด้วยว่า แม้คราวนี้จะมีสมาชิกใหม่เยอะ แต่สมาชิกก็ผ่านประสบการณ์มาแล้ว 4 ปี จึงไม่น่าจะมีปัญหา และไม่ว่าประธานสภาฯ จะมาจากฝ่ายใด เชื่อว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี