'นิพนธ์' เสนอกระจายอำนาจ3จังหวัดชายแดนใต้เป็นกรณีพิเศษ
'นิพนธ์ บุญญามณี' เปิดข้อมูลจริงพื้นที่ชายแดนใต้ ค้านแบ่งแยกดินแดนขอมีส่วนร่วมทางการเมืองเพิ่ม เสนอกระจายอำนาจ3จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีพิเศษ ในเงื่อนไขการบริหารจัดการที่เหมาะสม
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วง10ปีที่ผ่านมามีทิศทางดีขึ้นเป็นลำดับ มีการเปิดการเจรจาพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ซึ่งการมีส่วนร่วมในทางการเมืองด้วยการกระจายอำนาจมากขึ้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นร่วมกันมากที่สุด ดังนั้นจึงคิดว่าหากสามารถประกาศจุดยืนว่าจะกระจายอำนาจให้แก่ สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นกรณีพิเศษ หรือมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เช่น จะมีระบบการคลัง งบประมาณ หรือการจัดเก็บภาษี อย่างไรจึงจะเหมาะสม เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนใต้ สามารถจัดเก็บภาษีได้น้อยส่งผลให้มีรายรับต่อหัวน้อยมาก ซึ่งหากจัดเก็บภาษีได้น้อยก็จะมีงบในการดูแลจังหวัดน้อยเช่นเดียวกัน
ส่วนในเรื่องของประเด็นที่กำลังมีการสำรวจความเห็นก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เท่าที่ทราบนั้นประเด็นนี้มีการตอบรับจากกลุ่มคนที่เห็นต่างหลายกลุ่มซึ่งได้พบกับกลุ่มต่างประเทศและได้สอบถามถึงเรื่องราวโดยได้ข้อสรุปว่ากลุ่มคนที่เห็นต่างเหล่านั้นไม่ได้มีความต้องการถึงขั้นที่จะแบ่งแยกดินแดน เพียงแต่ให้มีส่วนร่วมทางการเมืองที่มากขึ้นเท่านั้น เช่น เรื่องการกระจายอำนาจที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคนในพื้นที่ และเมื่อคราวที่ผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านมาเยือนไทยก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาหารือบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบใด ๆ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวคือ หากมีการเคลื่อนไหวที่เกินขอบเขต อาจเกิดการแทรกแซงจากต่างประเทศที่จะใช้เป็นข้ออ้าง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องภายในประเทศและตนพยายามทุกครั้งที่จะระมัดระวังในการใช้คำพูด ดังนั้นจึงไม่อยากให้เปิดช่องให้ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงได้ เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาภายในประเทศที่สามารถพูดคุย เจรจากันได้ รวมถึงใช้เวลามาเป็นเวลานานแล้วซึ่งมองเห็นทางออกร่วมกัน เห็นพ้องไปในทางเดียวกันได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นพ้องถึงการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อยุติปัญหาของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วร่วม6,000ราย อีกทั้งงบประมาณที่ได้ใช้ไปรวมกว่า 500,000 ล้านนั้นก็เป็นงบประมาณที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับความคุ้มค่านั้นก็ยังไม่เหมาะสมเท่าใด
ในส่วนเรื่องของการทำงานของรัฐบาลรักษาการเชื่อว่ายังสามารถทำหน้าที่และปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นเรื่องของความมั่นคงที่รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใหม่หรือรัฐบาลรักษาการพึงกระทำ เพราะความมั่นคงของชาติต้องไม่มีช่องว่าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ลดการตื่นตระหนกของประชาชนในพื้นที่ สิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการเดินหน้าพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อไม่ให้สิ่งที่ได้ทำลงไปกว่า 10 ปีต้องสูญเปล่า นักการเมืองที่มีความพยายามนำเรื่องความมั่นคงมาหาคะแนนเสียง มาเป็นเงื่อนไขหรือเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เรื่องนี้ต้องระมัดระวังให้มาก


