posttoday

ตั้งรัฐบาล66:ศิริกัญญา ย้ำชัด พรรคก้าวไกล จำเป็นต้องได้ ประธานสภาฯ

25 พฤษภาคม 2566

ศิริกัญญา ปลื้ม สัญญาณทางบวกสว. พร้อมโหวต พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี คาดตั้งรัฐบาลเสร็จใน 2 สัปดาห์ เหลือ 151 เสียงไม่กระทบ ชี้ ปมประธานสภาฯ ไม่ทำให้ เพื่อไทยถอนตัว ย้ำชัด พรรคก้าวไกล จำเป็นต้องได้เพื่อผลักดันกฎหมาย พร้อมนั่ง รมว.คลัง เห็นใจ ผู้ประกอบการ กังวลค่าแรง 450บาท

วันที่25พ.ค. ที่ทำการพรรคก้าวไกล น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลว่า เมื่อวันจันทร์22พ.ค.66 มีการลงนามความเข้าใจในการร่วมรัฐบาล ได้รับสัญลักษณ์ในเชิงบวก จากพรรคร่วมรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภา(สว.) มีความเข้าใจและยอมรับในหลักการที่จะยกมือให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงเดินหน้าเจรจากับสว.เป็นรายบุคคล  เชื่อมั่นว่า นายพิธา จะได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เริ่มรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว หากรับรองเร็ว ก็คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์

"กระบวนการเจรจาเป็นการสื่อสารผ่านสื่อสาธารณะและมีการพูดคุยในรายบุคคล และมีสว.บางส่วน ที่ออกมาเปิดเผยว่า จะโหวตอย่างไร ในหน้าสื่อเรียบร้อย เราก็ให้เกียรติและเคารพสว. ทุกคน มีบางส่วนที่พูดคุยแต่ยังไม่ประกาศ ขณะนี้รวบรวมได้ประมาณ 16-20คน มั่นใจว่า จะมีการพูดคุยสัญญาณเป็นไปในทางบวกและน่าจะได้เสียงครบถ้วนเพียงพอ ที่จะโหวต นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ การเจรจา น่าจะจบลงอย่างรวดเร็ว และไม่น่าจะเกิน 2 สัปดาห์"น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ถามถึงกระแสข่าวการตั้งรัฐบาลแข่ง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า น่าจะเป็นข่าวลือ แม้จะมีการพูดคุยกันจริง ไม่เชื่อว่า เป็นการพูดคุยเพื่อเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแข่ง เชื่อมั่นในพรรคร่วมรัฐบาลว่า จะสามารถร่วมมือกันในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ให้สำเร็จ แม้จะมีข่าวลือต่างๆออกมาก็ตาม ส่งสารไปถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านในขณะนี้ว่า ถ้าหากมีหัวใจที่รักในประชาธิปไตยและยังยืนยันการเป็นประชาธิปไตย ถ้าเห็นล็อคเงื่อนปมตรงนี้ที่จะพาประเทศออกจากทางตัน ขอให้มาร่วมโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลที่มีความชอบธรรมได้สำเร็จ ยืนยันว่า ไม่มีการแทงข้างหลัง โดยยึดมั่นใน MOU ที่เราจะซื่อสัตย์ต่อกัน และเราพยายามสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่คิดว่า เป็นข้อกังวล ว่าจะไม่จริงใจต่อกันก็สามารถพูดคุยกันได้

ถามว่าห่วงหรือไม่ว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร จะทำให้พรรคเพื่อไทยถอนตัว น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า คิดว่าพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นว่า ความหวังที่ประชาชนมอบให้ในภารกิจจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ และยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลกับเราต่อไป ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ก็ตาม ส่วนตำนวนส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่ลดลงไป เท่ากับตอนนี้มีส.ส. 151 ที่นั่ง ไม่ได้กระทบกับการร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด ตอนนี้เราไม่มีความเชื่อใดๆว่า พรรคเพื่อไทยจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้หลังจากที่พูดคุยกันหลายครั้ง และลงนามใน MOU เรียบร้อยจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย จะไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลในครั้งนี้

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมี ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล เพราะนอกจากการใช้อำนาจ ฝ่ายบริหารแล้ว ยังจะต้องใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเชื่อมโยงกัน เพื่อผลักดันกฎหมาย ของพรรค เพราะทราบดีว่าตำแหน่งประธานสภามีบทบาทสำคัญ ต่อการผลักดันกฎหมาย และเพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง และเรื่องนี้เขียนไว้ใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีประธานรัฐสภาที่แน่วแน่และมีเจตจำนงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกันต้องการผลักดันให้เกิดรัฐสภาที่โปร่งใสและสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชน โดย นอกจากให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จะผลักดันให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการของสภา เพื่อความโปร่งใส และเพื่อตรวจสอบการทำงานของ รัฐบาล จะจัดตั้งสภาเยาวชนเพื่อมีพื้นที่ให้กับเยาวชน ในการแสดงออก และสื่อสาร 

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การที่พรรคมีส.ส. อันดับ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภา ผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เรามีวาระชัดเจนที่จะผลักดัน เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันว่าวาระเหล่านี้ จะประสานงานกันอย่างไรต่อไป ส่วนจะเป็นใครในพรรคก้าวไกลมี ส.ส.หลายคนที่จะเหมาะสมดำรงตำแหน่งนี้ ไม่ใช่แค่ควบคุมการประชุมแต่จะต้องขับเคลื่อนประชาธิปไตยด้วย มั่นใจว่า คนของพรรคมีวุฒิภาวะพอในการที่จะทำงาน

ในอดีตอาจจะมีประธานสภาผู้แทนราษฎรที่อายุน้อย ซึ่งไม่ใช่ประเด็นและเห็นว่าเป็นการให้โอกาสที่จะต้องเข้ามาทำ ไม่เช่นนั้นการเปลี่ยนแปลง จะไม่เกิดขึ้นหากยังติด ความอาวุโสมากเกินไป ช่วงนี้เป็นช่วงเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และพูดคุยในนโยบายอื่น ที่เห็นต่างกันนอกจาก MOU เช่นที่พูดกันมากคือค่าแรง ซึ่งพรรคไม่ขัดข้องที่จะดำเนินนโยบายเรื่องนี้ แต่ยังมีอีกหลายนโยบาย เช่นเรื่อง กระเป๋าเงิน 10,000 บาท จึงต้องพิจารณาว่า สิ่งที่ดำเนินการจะมีผลกระทบต่อ งบประมาณอย่างไร 

ถามอีกว่า ยังมีข้อกังวล เรื่องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ขอยืนยันว่า วัตถุประสงค์ในการนำกลับไปเพื่อให้เจ้าพนักงานทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ก็เข้าใจถึงความกังวล ยืนยันจะคุ้มครองประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการและผู้ปลูก โดยจะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายอย่างแน่นอน และในขั้นตอนต่อไปจะพูดคุยในเรื่องของการออกประกาศเพื่อคุ้มครอง ผู้ที่จดทะเบียนถูกต้องในการปลูกการจำหน่าย 

เมื่อถามถึงโควต้ารัฐมนตรี น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคยืนยันตัววาระและนโยบายที่จะทำเป็นหลัก แนวเรื่องการเจรจาต่อรองก็ต้องไปพูดคุยในรายละเอียดว่า ใครได้กระทรวงไหนอย่างไร ในส่วนของพรรคก้าวไกลจะเป็นส่วนผสมจากคนในและคนนอก คงต้องจัดสรรบางส่วนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมและคงสะท้อนจำนวนที่นั่งส.ส.ในสภาด้วย โดยกระบวนการต่อรองยังคงดำรงต่อเนื่อง ที่มีข่าวว่าส่วนตัว อาจจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีความพร้อมหรือไม่นั้น หากพรรคมอบหมายและเป็นมติของพรรคก็ยินดีที่จะรับ

รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า แกนนำและหัวหน้าพรรคยังได้เดินสายพูดคุยกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และต้องขอบคุณที่ยอมรับในความสามารถของนายพิธา  และพรรคยืนยันว่านโยบายของพรรีเน้นความสามารถสร้างความเติบโตในทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และจะเดินหน้า ประสานต่อเนื่องทั้งสภาแรงงาน สภาหอการค้าไทยและเชื่อมั่นว่าการพูดคุยตรงนี้จะทำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อมั่นกับนโยบายของพรรคมากขึ้น ส่วนที่โรงงานจะปิดตัว จากนโยบายขึ้นค่าแรง 450 บาทนั้น คิดว่าหลายผู้ประกอบการน่าจะกังวลใจในเรื่องต้นทุนที่จะสูงขึ้น แต่พรรคยังคงเดินหน้ายืนยันว่า จะมีมาตรการที่จะช่วยเหลือเยียวยาอย่างเหมาะสม แน่นอนว่า หลายบริษัทอาจจะกังวล แต่ยังคงที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรที่จะเดินหน้าไปพร้อมๆกันได้เมื่อค่าแรงต้องเพิ่มขึ้น

พรรคก้าวไกลจะขอดูกระทรวงแรงงานหรือไม่นั้นน.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า และในฐานะที่เป็นนโยบายของพรรคที่บรรจุไปแล้ว จำเป็นต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหารือในประเด็นต่างๆเช่นเดียวกัน ไม่อยากให้ส่งสัญญาณว่ามีการเลือกกระทรวงแต่อย่างใด เพราะกระบวนการเจรจาเรื่องตำแหน่งยังไม่เสร็จสิ้น หากจะยึดนโยบายของพรรคเป็นหลักอย่างเดียวก็เท่ากับเป็นการไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล โผครม.ที่ออกมาเป็นการคาดการณ์และคาดหวังของหลายๆฝ่าย แต่คงต้องรอให้การเจรจายุติหรือสิ้นสุดลงให้ได้ผลที่แน่ชัดเพื่อยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง