posttoday

เลือกตั้ง66: ประวิตร ลั่น 7 นโยบายเศรษฐกิจ ทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาล

04 พฤษภาคม 2566

"ประวิตร" นำทีมเศรษฐกิจ ประกาศย้ำ 7 นโยบายเศรษฐกิจ ทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาล เชื่อหากไม่มีคนลงถนนรัฐบาลบริหารงานได้ ไม่หยุดยั้ง ต่างชาติมาลงทุนต่อเนื่อง ระบุหลังเลือกตั้งจับได้ทุกขั้วขึ้นอยู่กับประชาชน แต่หากได้ 300 ไม่ง้อใคร

ที่พรรคพลังประชารัฐ แถลงสรุปนโยบายเศรษฐกิจ โดยทีมเศรษฐกิจ นำโดยมพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ,นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ , นายอุตตม สาวนายน ,นาย สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ,นายมิ่งขวัญแสงสุวรรณ ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ , นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล , นายคณิศ แสงสุพรรณ ,ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี

 

โดยพลเอกประวิตร กล่าวว่า วันนี้เหลือเวลา 10 กว่าวันเท่านั้นที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น เธอเป็นโค้งสุดท้ายที่จะหาเสียง ซึ่งตลอดระยะเวลา 45 วันหลังจากที่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการหาเสียงมาโดยตลอด เดี๋ยวพรุ่งนี้ในเรื่องของการ หาเสียง กับทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัยเพื่อให้ได้มีโอกาส เข้าถึง ชีวิตความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของประชาชนตนและทีมเศรษฐกิจพอแถลงสรุปนโยบายของพรรค ถ้าหากได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องแรกคือเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง ตนอยากให้ประชาชนคนไทยซึ่งเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมดมีความรักใคร่มีความสามัคคีกัน สร้างความเป็นหนึ่งเดียวในการที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง เมื่อประเทศชาติมีความมั่นคงแล้วไม่มีความขัดแย้งแล้ว ก็จะทำให้ประเทศนั้นเกิดความสงบสุข รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ แล้วจะทำให้ประชาชนนั้น ได้รับรู้ว่า ประเทศต่างๆจะมาลงทุนในประเทศไทยการค้าขายก็จะเจริญเติบโตและไม่มีการหยุดชะงักถ้าไม่มีประชาชนออกมาเดินบนถนนอีก เมื่อเราทุกคนมีความเป็นหนึ่งเดียวมีความสามัคคีกัน ก็จะสามารถที่จะบริหารประเทศไปได้ต่อไปยังไม่หยุดยั้ง ตนไม่สามารถที่ทำให้คนไทยมีความคิดเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ในทางการเมือง

 

ฉะนั้นจะแก้ไขกฎหมายอะไรก็ไปแก้กันในสภา จากตัวแทนทั้ง 400 เขตที่ประชาชนเลือก ส่วนการบริหารประเทศก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องสร้างความรุ่งเรืองให้กับประชาชน  ถ้าเราทำเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเงินในกระเป๋าก็จะมากขึ้น เพราะฉะนั้นความเป็นคนไทยหนึ่งเดียวมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเจริญให้กับประเทศต่อไปในอนาคต ความเป็นคนไทยไม่ว่าอายุหรือเพศ ยังไงก็เป็นคนไทยมีความรักใคร่ สามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันจะทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

ส่วนก้าวข้ามความยากจน เมื่อเข้าข้ามความขัดแย้งได้สำเร็จแล้ว คนไทยก็จะสามารถก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ทั้งเรื่องน้ำและเรื่องที่ดินถ้ามีที่ดินก็จะไม่มีจน ถ้ามีน้ำก็จะไม่มีแล้ง เพื่อให้ได้ดูแลเกษตรกรที่เข้มแข็งและมั่นคง ทั้งเรื่องน้ำและเรื่องที่ดินรัฐบาลได้ทำมาตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีมากขึ้น 

 

นอกจากนี้ ยังมีการลดความเหลื่อมล้ำ,สร้างระบบสวัสดิการที่เข้มแข็ง ,เรื่องพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ,สร้างความเป็นธรรมในสังคม ,พลิกโฉมบริหารจัดการภาครัฐ

 

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ยังแสดงความมั่นใจในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐว่า เราทำได้ถ้าเราได้เป็นรัฐบาล ส่วนที่หลายพรรคจะไม่จับขั้วด้วยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน อยู่ที่การตัดสินใจและความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้าได้คะแนนเสียง 300 ก็ไม่ต้องจับกับใคร 

 

ส่วนจะเป็นแกนนำจับขั้วจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่าไม่รู้ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่มีความเชื่อมั่น เพราะตนลงพื้นที่มาทั้งปีไม่เห็นมีใครมาด่า 

 

พลเอกประวิตร ยังกล่าวถึงการจับมือกับรวมไทยสร้างชาติ ว่า ต้องดูตัวเลขหลังวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ก่อน แต่พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมือง ส่วนจะร่วมกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้นก็ต้องดูตัวเลขเช่นเดียวกันและขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคนั้นด้วย หากไม่ถูกกันก็ขัดกันเปล่าๆ

 

เมื่อถามว่าจะลงพื้นที่ในกทม.ด้วยหรือไม่ พลเอกประวิตร ถามกลับว่าอยากให้ลงหรือไม่ถ้าอยากให้ลงก็จะลง ผู้สื่อข่าวต่อถามว่าวันนี้ดูอารมณ์ดี พลเอกประวิตร ยิ้มก่อนจะตอบว่าอารมณ์ดีทุกวันแหละ

 

ด้าน อุตตม กล่าวถึงนโยบาย 3เร่งด่วน 7เร่งรัด ว่า  1.เร่งฟื้นเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาทันที วันนี้ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องใหญ่ 2.เร่งเศรษฐกิจให้โตเต็มศักยภาพ และ3.เร่งรัดการพัฒนาพื้นฐานอย่างยั่งยืน ให้คนไทยสามารถแก้ปัญหาที่สะสมมาได้ พรรคพลังประชารัฐพร้อมแก้ไขเรื่องราคาพลังงานทั้งระบบ เรื่องหนี้สินแก้ไขอย่างครบวงจรและเติมเงินใหม่ เติมโอกาสใหม่ทักษะให้กับประชาชน
ซึ่งการฟื้นเศรษฐกิจเราจะเร่งขยายตัวตั้งแต่ฐานรากให้หมู่บ้านเข้มแข็ง เกษตรกร อุตสหกรรม พลิกฟื้นEEC 

 

ขณะที่นายสนธิรัตน์ กล่าวถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและระบบสาธารณสุข ว่า เราจะใช้โครงสร้างของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งจะผลักดันกองทุนละไม่เกิน 200,000 บาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งของฐานรากและพลังของกองทุนหมู่บ้าน โดยจะไปต่อยอดให้ประชาชนในพื้นที่สามารถใช้เงินกองทุนให้เกิดประโยชน์ได้ ส่วนภาคของการเกษตรนั้น จะแก้ปัญหาปุ๋ยแพงทันที รัฐจะออกให้ 50% และจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐรักษาเสถียรภาพราคาปุ๋ย และจะใช้เงิน 30,000 บาทครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน เพื่อเป็นทุนในการเพาะปลูก นอกจากนี้ยังยกระดับเกษตรกรให้เป็น Smart Farming และจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษการเกษตรนำร่องในแต่ละภูมิภาค 

 

ส่วนเรื่องนโยบายสาธารณสุขพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายครอบคลุมที่ทำได้และทำไว้แล้ว ส่งเสริมการป้องกันมากกว่าการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา แต่ถ้าหากป่วยก็จะมีคนเข้าไปตรวจถึงบ้านโดยใช้รพ.สต. และจะนำร้านยาทั้งหมดเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น 

 

ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าว กล่าวถึงนโยบายพลังงานในเรื่องของราคาน้ำมันเบนซินจะลดลง 18.07บาทและน้ำมันดีเซลจะลด 6.37 บาท  ลดราคาจะลง 173 บาทต่อถัง ,ลดค่าไฟฟ้า ไฟบ้านเหลือหน่วยละ 2.50 บาทและอุตสาหกรรมเรือนหน่วยละ 2.70บาท 
นอกจากนี้ยังมีนโยบายเบี้ยประชาชนโดยผู้สูงอายุ 60 ปีจะได้เงิน 3,000 บาท 70 ปีจะได้เงิน 4,000 บาท 80 ปีจะได้เงิน 5,000 บาท ยกเว้นข้าราชการบำนาญจะไม่ได้รับ

 

นายสันติ กล่าวถึงนโยบายอีสานประชารัฐ ว่า พลเอกประวิตรตั้งใจที่จะพัฒนาภาคอีสานและมีความสำคัญของประเทศเพราะเป็นภาคที่มีประชาชนมากที่สุด อีกทั้งยังมีพื้นที่เกษตรกรรมและรายงานจำนวนมาก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวอีสานจึงทำโครงการนี้เพื่อให้ประเทศไทยเข้าสู่ตลาดโลก นั่นคือจะมีรถไฟรางคู่ ตั้งแต่ อีสานจนถึงภาคตะวันออก เริ่มต้นที่จ.บึงกาฬ- จ.ชลบุรี และจ.ระยอง ซึ่งตลอดทางจะมีนิคมอุตสาหกรรม 6 แห่ง สร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่ กว่า3ล้านคน นอกจากนี้ยังมีวิทยาลัยอาชีวะ 12 แห่งที่จะสอนให้ตรงกับความต้องการในแต่ละนิคม 

 

นายคณิศ กล่าวถึงนโยบายระยะยาว ว่า เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยสงขลา , สตูล ,ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส ฝึกอบรมทางด้านไอทีให้กับนักศึกษา เพื่อสร้างงาน สร้างสะพานเศรษฐกิจใหม่ 6 โครงการหลัก 

 

ด้านนายธีรชัย กล่าวว่า นโยบายหลายอย่างต้องใช้เงิน จึงต้องเพิ่มหนี้สาธารณะ เพราะขณะนี้ยังบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้ เพื่อให้มีเงินมาลงทุนและให้เกิดการหมุนเวียนในระบบ แต่เชื่อว่าทุกนโยบาย จะสามารถสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนของประชาชนได้

 

ขณะที่นางนฤมล กล่าวถึงนโยบาย กทม. 3 เรื่องพัฒนาคุณภาพชีวิต -ฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องหลังโควิด19 -และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยกชาว กทม.ยังไม่มีบ้านที่อยู่อาศัย จึงจะทำบ้านโครงการประชารัฐ ร่วมกันภาคเอกชน 

 

จากนั้น พลเอกประวิตร กล่าวสรุปว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจัดทำทันทีทุกนโยบายและสามารถทำได้ และอีกนโยบายที่มีความสำคัญคือนโยบายเรื่องการปราบปรามยาเสพติด คิดถึงว่าเป็นเรื่องสำคัญ ว่าจะมีการป้องกันปราบปราม ในการฟื้นฟู จัดหางบประมาณมาก้อนหนึ่งเพื่อมาทำเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ เพื่อให้คนที่ติดยาเสพติดกลับสู่สังคมอย่างปกติ ว่าเป็นอย่างยิ่งยากประชาชนจะให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะรับใช้ประชาชนและพร้อมแล้วที่จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป