posttoday

ชูวิทย์ขอสนธิเป็นกลาง โต้รับงานล้มภูมิใจไทย หมดยุคใช้สื่อโจมตีคนเห็นต่าง

09 มีนาคม 2566

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โต้ปมรับงานล้มภูมิใจไทย ขอ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นกลางเรื่องกัญชาไม่ได้เลอเลิศตามที่ประโคมข่าว ย้อนถามถ้ารับงานจริง คนอย่างผมสั่งการได้หรือ และหมดยุคเก่าใช้อิทธิพลสื่อให้ร้ายป้ายสีโจมตีผู้เห็นต่างเพราะประชาชนมีสิทธิรับรู้ความจริง

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล  ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยมีเนื้อหาดังนี้

สนธิ กับ ชูวิทย์ ผลประโยชน์ของใคร? 

การที่ผมถูกพี่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” แห่งสื่อผู้จัดการโจมตีเช้าสายบ่ายเย็น 

กล่าวหาว่าผม “จ้างร้อยเล่นล้าน” เบี่ยงเบนเนื้อหา พลิ้วไหวโกหกพกลมไปวันๆ 

ทั้งๆ ที่ไม่กี่วันก่อน พี่ร้องเรียกผมว่า “น้องรัก” เช้ายันค่ำ ดูจากรายการพี่เองก็ได้

คิดว่าคนอย่างผมจะรับงานได้ ต้องจ้างเท่าไหร่?

และวางใจได้หรือ จะสั่งผมด้วยวิธีการไหนดี?

อย่างพี่สนธิ คิดว่าจ้างผมได้ไหม เพื่อไม่ให้ผมพูดเรื่องกัญชา?

พี่ก็คงทราบว่า พี่จ้างผมไม่ได้ หรือแม้แต่จะบีบ ผมก็ไม่กลัว จึงต้องเล่นบทโจมตีแบบสื่อยุคเก่า

ความจริงมันคือความจริงวันยันค่ำ

“กัญชาไม่ใช่สิ่งเลอเลิศอย่างที่ประโคมกันในไทยหรอกครับ และมั่นใจว่าพ่อแม่ของเด็กอีกจำนวนมากที่เขาไม่มีปากมีเสียง มีความกังวลไม่อยากให้ลูกของเขาติดกัญชา”

นี่ต่างหาก คือความจริงที่คนต้องการเห็น ต้องการได้ยิน จากมุมมองของสื่อที่จะต้องนำไปให้สังคมพิจารณา 

 

และในฐานะสื่ออย่างพี่สนธิ ควรจะนำเสนอความเป็นกลางให้สังคมได้ตัดสินใจ 

โดยไม่ใช้อคติของตัวเอง ไปเห็นดีเห็นงามกับผลประโยชน์เรื่องกัญชา ที่มากับกระแสของพรรคภูมิใจไทย อันเป็นการชี้นำสังคมอย่างไม่ควรเป็นในฐานะ “ฐานันดร 4”

การที่พี่สนธิเปลี่ยนแปลงอารมณ์ได้ฉับพลันเสมือนหนึ่งคนแก่ ในขณะที่ยุคกระแสโซเชียลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

มันเร็วเกินกว่ายุคสมัยของคนอายุขนาดพี่จะตามทัน

วิธีของสื่อยุคก่อน แตกต่างกับยุคปัจจุบันมาก

การใช้สื่อเพื่อโจมตีเรื่องส่วนตัว ยิ่งใช้มากเท่าไหร่ คนจะยิ่งเห็น “สันหลัง” ของพี่มากขึ้นเท่านั้น 

สื่ออย่าง “ผู้จัดการ” และรายการ “สนธิทอล์ค” คิดจะเล่นงานผม อย่างที่เล่นงานใครๆ ไม่ได้หรอกครับ

ไม่ใช่ผมเก่ง ผมกล้า หรืออวดตัว

แต่เพราะผมทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนในสังคม ที่เขาไม่มีปากมีเสียงมากพอ ในการนำเอาสาระที่มีประโยชน์มาพูดแทนใจเขา 

ดีกว่าจะต้องมาฟังพี่พูดด่าว่าตำหนิผม

เพราะเขาไม่ได้สนใจความเลวของผม ใครๆ ก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนดี ดังนั้น การด่าว่าคนเลวอย่างผม จะไปมีประโยชน์อะไรกับสังคม?

เมื่อผมพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในขณะที่พี่ปกป้องออกตัวแทนนักการเมือง

สังคมกลับตั้งคำถามว่า “พี่รับงานมาจากพรรคภูมิใจไทยหรือเปล่า?”

มากกว่าจะมาตั้งคำถามกับผม

มันหมดยุคแล้วจริงๆ ในการใช้สื่อไปโจมตีผู้ที่เห็นต่าง ให้ร้ายป้ายสี เพื่อให้เหลืออยู่แต่คนที่เกรงใจ เกรงกลัว ด้วยการใช้อิทธิพลของสื่อในทางที่ผิด 

เลิกวิธีการนี้เถอะ อย่างน้อยประชาชนมีสิทธิที่จะรู้ความจริง 

ผมเห็นด้วยกับพี่ที่บอกว่า “ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว เดี๋ยวนี้ชาวโซเชี่ยลเขาเก่ง สืบแป๊บเดียวก็รู้ว่าใครมั่ว”

ไม่เชื่อพี่ หรือทีมงานลองไปอ่านในคอมเม้นต์ของโพสต์พี่เองดูสิครับ

เพราะพี่โพสต์เอง คนไม่เห็นด้วยกับพี่เอง

เรื่องพวกนี้มันหลอกกันได้ที่ไหน?

นี่คือกระแสของโซเชียลครับ