posttoday

เลือกตั้ง66:ศรีสุวรรณร้องกกต.สอบไตรรงค์ปราศรัยใหญ่โคราชเข้าข่ายผิดกม.

27 กุมภาพันธ์ 2566

ศรีสุวรรณ จรรยา ร้อง กกต.สอบดร.ไตรรงค์ปราศรัยโคราช นำสถาบันมาหาเสียงหรือไม่ ชี้หากฝ่าฝืนจริงอาจเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.โทษจําคุกตั้งแต่10 ปี ปรับ2 แสนบาทและศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนด 20 ปี

เมื่อวันที่ 27ก.พ.66 เวลา 10.00 น.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัย ดร.ไตรงค์ สุวรรณคีรี แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงที่โคราชวันก่อนนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งด้วยเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่
              
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ.66 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่สนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา โดยมีประชาชนทั่วทุกสารทิศเดินทางมารับฟังการปราศรัยของแกนนำพรรค ผู้บริหารพรรค และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหรือว่าที่แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยในช่วงหนึ่งของการปราศรัยต่อหน้าประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยนับหมื่นคน และมีการถ่ายทอดทางโชเชียลมีเดียและสื่อมวลชนต่าง ๆ ด้วยนั้น นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรค รทสช. ได้ขึ้นปราศรัยความตอนหนึ่งในช่วงสุดท้ายว่า
             

“พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นคุณสมบัติของคนดี พวกเราเป็นคนดีใช่ไหมพี่น้อง เราต้องไม่ลืมบุญคุณบรรพบุรุษใช่ไหมพี่น้อง ต้องรักษาประเทศนี้เอาไว้ให้อยู่ให้ดีที่สุด ใช่ไหมครับพี่น้อง ร.9 ตรัสเอาไว้ว่า จงเลือกคนดีปกครองประเทศเท่านั้น ผมเองไม่เล่นแล้วการเมืองแต่ผมมาช่วยบิ๊กตู่(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)เพราะเห็นว่าเขาเป็นคนดี ผมดูแล้วหัวหน้าพรรคทั้งหลายเนี่ยไม่มีใครดีเหนือกว่าบิ๊กตู่หรอก ถ้าเราอยากได้รัฐบาลที่ดีตามที่ ร.9 ทรงประสงค์นั้นให้เลือกพรรค...รวมไทยสร้างชาติ”
               
คำปราศรัยดังกล่าว อาจถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืน ข้อ 17 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและ ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 หรือไม่ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่า “ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง” ประกอบกับ ม.73(5) ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่นด้วยวิธีการจูงใจให้เข้าใจผิด ในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองอีกด้วย

"หาก กกต.วินิจฉัยว่าเป็นการฝ่าฝืนจริงก็อาจเข้าข่ายความผิดตาม ม.159 ของ พรบ.เลือกตั้ง ส.ส.ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี เพื่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 นี้ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป"