posttoday

'ชูวิทย์'ฟ้อง'สันธนะ'เรียกค่าเสียหาย100ล้านบาท

06 กุมภาพันธ์ 2566

'ชูวิทย์' ควง 'อนันต์ชัย' ขึ้นศาลเบิกความไต่สวนคดีฟ้อง 'สันธนะ' หมิ่นประมาท-เเจ้งความเท็จ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ปมกล่าวพาดพิงโรงแรมแรมลูกชายนายชูวิทย์ มีการมั่วสุมเสพยา ขณะที่อีกฝ่ายยันไม่เคยกลั่นแกล้งใคร

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 66 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีต ตร.สันติบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ อันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาที่มิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น, สร้างพยานหลักฐานเท็จ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ปมกล่าวพาดพิงโรงแรมแรมลูกชายนาย ชูวิทย์ มีการมั่วสุมเสพยา

นอกจากนี้ ยังฟ้องเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาท จากกรณีที่นายสันธนะ กล่าวหาว่าที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิงค์ ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย ของบุตรชายนายชูวิทย์ เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดของนักเที่ยว มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จโดยการแอบถ่ายและนำคลิปวิดีโอไปแจ้งความกับตำรวจ สน.ทองหล่อ ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ชื่อเสียงของโรงแรมและนายชูวิทย์เสื่อมเสีย จึงไปยื่นฟ้องนายสันธนะ โดยมี บริษัท ต้นตระกูล จำกัด เป็นโจทก์ที่ 1 และมี นายชูวิทย์ เป็นโจทก์ที่ 2
   
โดยในวันนี้นายชูวิทย์ เดินทางมาศาลพร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ 

นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายของนายชูวิทย์ กล่าวว่า วันนี้นัดไต่สวนมูลฟ้อง ในกรณีที่นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ได้ไปแจ้งความและนำคลิปวีดีโอในห้องน้ำโรงแรมเดวิสบอกว่ามีคนข้างในร่วมกันเสพยาเสพติด และภายในวันนั้นก็มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจพิสูจน์ว่าเป็นจริงหรือไม่ ปรากฏว่าต่อมามีการเสนอข่าวให้สัมภาษณ์ และให้ข่าวว่าโรงแรมเดวิสของนายชูวิทย์มีมั่วสุมร่วมกันเสพยาเสพติด ซึ่งหมายความว่าถ้าเป็นจริงโรงแรมดังกล่าวอาจจะถูกปิด ทำให้นายชูวิทย์ได้รับความเสียหาย ซึ่งหลังจากที่มีการตรวจค้น มีหมายเรียก ผลปรากฏว่าคนที่โดนกล่าวหาว่ามั่วสุมนั้นไม่พบว่ามีฉี่สีม่วงแต่อย่างใด ส่วนการเปิดเกินเวลาที่มีการกล่าวหานั้นก็ไม่เป็นจริง ดังนั้นเราในที่นายชูวิทย์เป็นอดีตกรรมการและเป็นผู้ถือหุ้นโรงแรมเดวิส การกระทำดังกล่าวของนายสันธนะทำให้นายชูวิทย์ได้รับความเสียหาย เราได้มายื่นฟ้องตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี2565 แล้ววันนี้เป็นนัดไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งเราก็พร้อมที่จะขึ้นศาล โดยคดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาในข้อหาละเมิด มาตรา 420 และ 423 หากศาลไต่สวนมีมูลฟ้องแล้วถึงจะมีกระบวนการทางแพ่งเข้ามา 
   
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับคนบางคนบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ ตนก็ขอยึดมั่นในกระบวนการยุติธรรม นายสันธนะจะได้ไม่ไปกระทำเรื่องแบบนี้อีกกับใคร ให้รู้ว่าประเทศไทยมีกฎหมายและนายสันธนะก็ไม่ใช่ตำรวจที่จะไปเที่ยวตรวจเดินเข้าไปสั่งการให้ตำรวจมาตรวจ ทั้งที่ถูกไล่ออกจากราชการแท้ๆก็เลยไม่เข้าใจว่าสถานะของนายสันธนะเป็นอย่างไร ตนจึงต้องมาพึ่งนายอนันตชัยเป็นทนายความเพื่อพึ่งศาลยุติธรรม ถ้าตนไม่ทำ คนอื่นก็จะถูกนายสันธนะกลั่นแกล้งด้วยกระบวนการอย่างนี้