posttoday

'สนธิรัตน์' ร้องเอ๊ะ ปมลดค่าไฟช่วยหรือซ้ำเติมประชาชน

24 มกราคม 2566

'สนธิรัตน์' เลขาสร้างอนาคตไทย คาใจมาตรการลดค่าไฟ กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า 151-500 หน่วยต่อเดือน กว่า 4.9 ล้านครัวเรือนควักจ่ายเงินเพิ่มแม้จะใช้หน่วยเท่าเดิม

เมื่อวันที่ 24ม.ค.66 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความสงสัยต่อมาตรการมาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ของรัฐบาล โดยตั้งคำถามว่า มาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าประจำเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ที่รัฐบาลออกมานั้น เป็นมาตรการที่ออกมาเพื่อช่วยลดหรือเพิ่มค่าไฟฟ้ากันแน่

ตามข่าวบอกว่า มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 เรื่องการช่วยเหลือจะทำผ่านค่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (Ft) ที่จะคิดที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยกลุ่มเปราะบาง ที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ประมาณ 19.66 ล้านราย 
 

โดยจะคิดค่าไฟแบบขั้นบันไดคือ ถ้าใช้ไฟตั้งแต่ 1-150 หน่วยจะได้ส่วนลด ค่าไฟฟ้า 92.04 สตางค์ต่อหน่วย แต่ถ้าใช้ไฟตั้งแต่ 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้าจะเหลือ 67.04 สตางค์ต่อหน่วย

ซึ่งหากดูให้ดี จะเห็นว่าไม่ได้ลดให้ทั้งหมด เพราะเหมือนว่ามีการขึ้นค่าไฟในส่วนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟตั้งแต่  151-300 หน่วยต่อเดือน อีก 25 สตางค์ต่อหน่วย เท่ากับว่ากลุ่มนี้จะต้องจ่ายค่าไฟประมาณ 4 บาทต่อหน่วย ไม่ได้จ่ายราคาเดิมคือประมาณ 3.70 บาทต่อหน่วย เหมือนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟ 1-150 หน่วยต่อเดือน

นอกจากนี้ ในข่าวยังบอกว่ามีการเสนอยกเลิกส่วนลดค่าไฟ 15-75% ที่เคยช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่ 301-500 หน่วยอีกด้วย

เท่ากับว่า มาตรการการช่วยเหลือครั้งนี้ กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า 1-150 หน่วยต่อเดือนจะได้ประโยชน์มาก แต่กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า 151-500 หน่วยต่อเดือน น่าจะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มแน่ๆ ในงวดเดือนมกราคมถึง เมษายน 2566 ถึงแม้จะใช้ไฟเท่าเดิม

ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า ตกลงได้ลดหรือได้เพิ่มกันแน่กับมาตรการนี้ 

เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ระบุต่อว่า มาตรการนี้ตรึงค่าไฟให้กลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟ 0-150 หน่วย ได้ 14.7 ล้านครัวเรือน แต่อีก 4.9 ล้านครัวเรือนที่ใช้ไฟ 151-300 หน่วยต่อเดือนจะแพง เพราะต้องจ่าย 4 บาทต่อหน่วย และ อีก 2.1 ล้านครัวเรือนที่ใช้ไฟ 301-500 ต้องจ่าย 4.72 บาท ต่อหน่วย ซึ่งก็เท่าเดิมไม่ได้ลด

“ผมก็อยากบอกไปถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ว่า อยากให้พิจารณาดีๆ อีกครั้ง ผมเข้าใจว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ไปผูกกับการจัดการอื่นๆ แต่แค่อยากจะบอกว่า ยังไงก็ช่วยแก้ให้คนได้ประโยชน์ ไม่ทำให้เดือดร้อนไปมากกว่านี้ได้ไหมครับ” นายสนธิรัตน์ กล่าว