posttoday

จุรินทร์ กร้าว ชูยุทธศาสตร์ “เหนือเชื่อมโลก”สร้างเงิน สร้างอนาคตที่ดีกว่า

15 มกราคม 2566

จุรินทร์ ประกาศยุทธศาสตร์ “เหนือเชื่อมโลก” มุ่งสร้างเงิน สร้างอนาคตที่ดีกว่าให้ชาวเหนือ พร้อมเผยแนวทางแก้รัฐธรรมนูญว่า จะมุ่งการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยไม่แตะหมวด 1 และ หมวด 2 แต่ให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันนำ “ประชาธิปัตย์” ทัพใหญ่ พร้อมด้วย ส.ส. และอดีต ส.ส. ของพรรค เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ ล็อตใหญ่ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบรรยากาศภายในศูนย์การประชุม มีการตีกลองสะบัดชัย ถือเป็นศิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้สมัคร และชาวประชาธิปัตย์ทุกคน

 

นอกจากนี้ยังมีบรรดาพี่น้องประชาชนจากภาคเหนือหลายจังหวัดมาร่วมแสดงความยินดี และส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มกึกก้องว่า ประชาธิปัตย์ สู้ สู้ จุรินทร์ สู้สู้ พร้อมกับมาขอถ่ายรูปร่วมกับนายจุรินทร์ หัวหน้าพรรคอีกด้วย 

 

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ได้ขึ้นเวที พร้อมกับกล่าวว่า วันนี้ถือเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาพบกับพี่น้องชาวภาคเหนือ 16 จังหวัด ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก อบอุ่น และยิ่งใหญ่เป็นที่สุดครั้งหนึ่งเป็นประวัติศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ นอกจากจะถือโอกาสมาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนแล้ว ก็ถือโอกาสมาประกาศตัวผู้สมัครทีมประชาธิปัตย์ในภาคเหนือด้วย และขอบคุณพี่น้องชาวเหนือทุกคน ที่ตลอด 76 ปีที่ผ่านมา

 

พร้อมระบุว่า ประชาธิปัตย์เกิดขึ้นได้นอกจากเพราะผู้แทนราษฎรทั้งประเทศรวมตัวกันก่อตั้งพรรคแล้ว หัวใจสำคัญที่สุดที่ทำให้ประชาธิปัตย์เกิดได้ ก็เพราะพี่น้องประชาชนคนเหนือ และผู้แทนราษฎรภาคเหนือพรรคประชาธิปัตย์ 12 คน ที่ร่วมกันก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2489

 

ชาวเหนือมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมาทุกการเลือกตั้ง มากบ้างน้อยบ้าง แต่คนเหนือไม่เคยทิ้งประชาธิปัตย์และประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยทิ้งคนเหนือ เราได้ผู้แทนราษฎรมาเกือบจะเรียกว่าทุกยุคทุกสมัย ยกเว้นคราวที่แล้ว แต่ไม่ได้แปลว่าคนเหนือทั้ง 16 จังหวัดทิ้งประชาธิปัตย์ทั้งหมด คราวที่แล้วอาจจะได้น้อยหน่อยแค่ 1 ที่นั่ง แต่การเลือกตั้งที่จะมาถึงข้างหน้า ก็มั่นใจว่าประชาธิปัตย์จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากคนเหนืออย่างแน่นอน

 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ด้วยอุดมการณ์ บุคลากร นโยบาย และผลงานที่พรรคทำให้กับคนเหนือมาตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ชาวประชาธิปัตย์ทุกคนมั่นใจ วันนี้ประชาธิปัตย์ถือโอกาสมาเปิดตัวผู้สมัครทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างหลัง รวมกันแล้ว 61 คน จาก 16 จังหวัด การเลือกตั้งเที่ยวหน้าเขตเลือกตั้งจะเพิ่มขึ้น กลายเป็น 71 เขต

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันกับพี่น้องได้ก็คือว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ เมื่อ กกต. ประกาศเขตภาคเหนือเสร็จสิ้นครบ 71 เขต ประชาธิปัตย์ส่งครบทุกเขตแน่นอน และในบรรดาผู้สมัครของเราทั้ง 61 คน ล้วนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และมีศักยภาพ ที่ยืนอยู่นี้จบปริญญาเอก ปริญญาโท อย่างน้อย 22 คน และจบปริญญาตรี 30 คน

 

ทุกคนต่างมีประสบการณ์ในสาขาวิชาชีพมากมาย ทั้งเป็นนักการเมืองระดับชาติมาก่อน ทั้งเป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่น เป็นนักธุรกิจ เป็นอดีตข้าราชการ เพราะสนใจที่มาร่วมงานการเมืองกับประชาธิปัตย์ ลาออกจากราชการเพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งกับประชาธิปัตย์ มีทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย และมีทั้งกลุ่มวิชาชีพอื่นๆ ที่มีความหลากหลาย พร้อมที่จะรับใช้พี่น้องชาวเหนือทุกคน ทุกจังหวัด

 

ที่สำคัญ ในจำนวนนี้มีผู้แทนฯ ว่าที่ผู้สมัครประชาธิปัตย์ ที่เป็นสตรี และเป็นความหวังของโลกการเมืองรุ่นใหม่อยู่บนเวทีนี้ถึง 11 คน เป็นอดีตผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ ที่ 4 ปีที่ผ่านมา ยืนหยัดอุดมการณ์ร่วมกับเราไม่ไปไหน และพร้อมเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งถึง 9 คนด้วยกัน และมีคนรุ่นใหม่ที่อายุไม่เกิน 30 – 35 ปี ที่เสนอตัวมารับใช้พี่น้องประชาชน รวม 13 คน อย่างน้อยที่สุดเรามีชาติพันธุ์ที่เสนอตัวมาเป็นผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนชาติพันธุ์ต่อไปถึง 3 คนด้วยกัน

 

นายจุรินทร์กล่าวว่า ถ้าประชาธิปัตย์ เป็นแกนตั้งรัฐบาล ด้วยเสียงสนับสนุนของพี่น้องประชาชนคนเหนือ และ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้เราได้รับเลือกตั้งมากพอที่จะไปรวมเสียงพรรคอื่นเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ขอบอกว่า มาถึงวันนี้นอกจากเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพพร้อม ประชาธิปัตย์ก็มีนโยบายที่พร้อมนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ภายใต้ยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”เพื่อพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และอนาคตที่ยั่งยืนต่อไปภายใต้การบริหารของประชาธิปัตย์

 

“สร้างเงิน” คือการที่ประชาธิปัตย์มุ่งมั่น สร้างเงินให้กับคนไทย และสร้างเงินให้กับประเทศ นี่คือหลักสำคัญ ไม่ได้คิดแค่สร้างเงินให้คน แต่คิดสร้างเงินให้ไทยทั้งประเทศ เพราะประเทศไทยจะมีอนาคตได้ต้องมีคนคิดอย่างประชาธิปัตย์ และสร้างเงินด้วยนโยบายที่มีความชัดเจน แต่ 1 ในนั้นที่เราทำมาแล้ว และจะทำต่อไป “ทำได้ไวทำได้จริง” คือ “นโยบายประกันรายได้” ประกันรายได้ที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่แค่ประกันรายได้คนไทย แต่จะประกันรายได้ประเทศไทยด้วย

 

“สร้างคน” ทำไมประชาธิปัตย์พูดถึงการสร้างคน ยังไม่เห็นพรรคการเมืองไหน หรือมีน้อยมากที่เขาพูดเรื่องการสร้างคน เพราะการสร้างคนคือ ดีเอ็นเอ ของ ประชาธิปัตย์ เราให้ความสำคัญกับการสร้างคนให้เก่ง ดี และมีสุขภาพแข็งแรง ถ้าคนไม่เก่ง คนไม่ดี คนอ่อนแอ ใครจะมาสร้างเงินให้ครอบครัว ให้ตัวเอง และให้ประเทศ ถ้าคนไม่เก่ง คนไม่ดี คนไม่แข็งแรงพอ ใครจะช่วยรักษาเงินให้ครอบครัว ใครจะช่วยรักษาเงินให้ประเทศ สร้างเงินกับสร้างคน จึงต้องไปด้วยกัน ที่ประชาธิปัตย์คิดครบแล้วก่อนนำเสนอกับคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งพี่น้องชาวเหนือ

 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังย้ำว่า พรรคสร้างคนด้วยการศึกษาและไม่ใช่การศึกษาปัจจุบัน แต่ต้องเป็นการศึกษาทันสมัย นอกจากนั้นประชาธิปัตย์จะสร้างคนด้วยการจัดให้มีสวัสดิการตลอดชีพ ตั้งแต่ท้องจนตาย เพื่อให้คนทั้งเก่ง ทั้งดีและแข็งแรง เพราะหากสร้างเงินได้ เราสร้างคนได้ ก็สร้างชาติได้

 

ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมสร้างชาติด้วย ระบบการปกครองที่เรียกว่าประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และประชาธิปัตย์จะสร้างชาติด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่ประชาธิปไตยอะไรก็ได้ แต่ประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์ คือเป็นประชาธิปไตยที่เขียนไว้นโยบาย 10 ข้อ ที่นับเนื่องตั้งแต่ 2489 จนวันนี้เราไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือ “ประชาธิปไตยสุจริต

 

นี่คือยุทธศาสตร์ที่เราจะพาประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับพวกเรา ด้วยยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ และนี่คือคำตอบ ว่าทำไมประชาธิปัตย์ประกาศยุทธศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพื่อประชาธิปัตย์แต่เพื่อคนเหนือทุกคน

 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไป ถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับชาวภาคเหนือว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ได้มีการเปิดนโยบาย โดยจะขอนำนโยบายที่เกี่ยวพันกับพี่น้องมานำเสนอ โดยไม่ลงรายละเอียด แต่จะบอกว่าอะไรบ้างที่ประชาธิปัตย์ชัดเจนที่จะทำให้กับชาวเหนือ นั่นคือ

 

1) ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาลต่อไป หรือแค่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล สำหรับนโยบายข้อแรก ที่ตนกล้ายืนยัน เพราะเราทำมาแล้ว และจะทำต่อไป “ทำได้ไวทำได้จริง” 4 ปีที่พิสูจน์ นั่นคือ”นโยบายประกันรายได้” จ่ายเงินส่วนต่าง ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด 

 

สำหรับผลไม้ จะใช้ยาคนละขนาน ในการเข้าไปอุ้มชูเกษตรกรผู้ปลูกผัก ผลไม้ ด้วยนโยบายมาตรการที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเราทำมาแล้วและสามารถทำได้ไว ทำได้จริง เป็นประโยชน์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลำไย ลิ้นจี่ มะม่วง ส้ม หอม กระเทียม บุก มะเขือเทศที่อมก๋อย ฯลฯ ประชาธิปัตย์มีนโยบายชัดเจน ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้พี่น้องได้ก็คือ

 

ด้วยการที่ประชาธิปัตย์ จะหาตลาด หาผู้ซื้อ มาทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้กับเกษตรกร เพื่อมีหลักประกันว่า ฤดูการผลิตถัดไปท่านจะสามารถขายพืชเกษตรตัวนี้ได้ราคาเท่าไหร่ และในปริมาณเท่าไหร่ เพื่อสร้างความมั่นคง และเป็นหลักประกันให้พี่น้องเช่นเดียวกับประกันรายได้

 

แต่เป็นยาคนละเม็ด คนละขนาน คนละวิธี แต่ได้ผลใกล้เคียงอย่างเดียวกัน นั่นคือ “นโยบายพันธสัญญา” (Contract Farming) เหมือนกับที่ได้เคยพาพี่น้องไปทำสัญญาซื้อขายลำไยล่วงหน้า ซื้อขายส้มล่วงหน้า เซ็นสัญญากันเสร็จ ปีนี้เราได้กิโลเท่านี้แน่นอน นี่คือ “เกษตรพันธสัญญา” 

 

2) นโยบายที่ประชาธิปัตย์จะทำให้กับพี่น้องชาวเหนือ ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัว และจะมีรายละเอียดตามมา

 

3) ใครอยู่ในหมู่บ้าน ใครอยู่ในชุมชน เขตเทศบาล ที่แบ่งเป็นชุมชน นโยบายข้อนี้ของประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องกับพี่น้องที่อยู่ในหมู่บ้านทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ และยังอยู่ในชุมชนที่อยู่ในเขตเทศบาล ในเขตกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ นโยบายนี้ก็คือ เราจะจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านชุมชน ให้หมู่บ้านชุมชนละ 2 ล้านบาท 

 

4.) ใครทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐ แต่การทำกินอยู่บนที่ดินของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่า หรือรัฐมาบุกที่ดินเรา ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขโดยนโยบายประชาธิปัตย์ นั่นคือ การให้การรับรองสิทธิทำกินให้กับพี่น้องที่ทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐ ให้กลายเป็นเรื่องที่กฎหมายหรือรัฐบาลให้การรับรองเพื่อพี่น้องจะได้เดินหน้าสร้างเงินให้กับตนเองครอบครัวต่อไป ส่วนนโยบายที่ว่านี้ก็คือ ออกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ 

 

5) ใครมีที่ครอบครองตามสิทธิ แต่กรมที่ดินยังไม่ให้การรับรอง แต่ยังไม่ออกโฉนด แปลว่ามีแต่ สค 1 หรือบางทีก็ไม่มีอะไรสักอัน หรือมีแต่ นส. 3 จะมีโฉนดสักที 5 ปี 10 ปี รุ่นปู่ตายไปแล้วมาเหลือรุ่นพ่อ เหลือรุ่นเรายังไม่รู้วันไหนจะได้ ถัดจากนี้ไปถ้าประชาธิปัตย์ เป็นแกนตั้งรัฐบาลเรามีนโยบายชัดเจนจะออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลงให้กับประชาชนภายใน 4 ปี 

 

6) ลูกหลานพี่น้องไปเรียนที่โรงเรียน หลายคนอยู่บนเขา หลายคนอยู่บนที่สูง หลายคนบ้านอยู่ห่างไกลโรงเรียนเดินไปถึงโรงเรียนเที่ยงพอดี เดินไปถึงโรงเรียนก็ไม่มีข้าวกินนั่นอีกนโยบายหนึ่งยังไม่พูด แต่อย่างน้อยที่สุดลูกหลานพี่น้องจะเติบโตแข็งแรงได้ก็คือจะต้องได้กินนม เพราะนมมีธาตุเหล็ก เพราะธาตุเหล็กคือตัวสร้างสมอง ตัวสร้าง IQ และตัวสร้างความเจริญเติบโตทางร่างกาย ใครขาดธาตุเหล็ก ที่กล้าพูดเพราะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ความสูงจะต่ำกว่ามาตรฐาน 10 ซม. นมจึงสำคัญ

 

และนี่คือที่มาที่ทำไมประชาธิปัตย์จึงคิดเรื่องนมโรงเรียนเริ่มตั้งแต่สมัยท่านชวน หลีกภัย นับเนื่องมาจนถึงสมัยท่านอภิสิทธิ์ มาจนกระทั่งถึงนายจุรินทร์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เมื่อก่อนเราให้เด็กกินนมฟรีที่โรงเรียนอนุบาล ถึง ป.4 ต่อมายุคท่านอภิสิทธิ์ กับยุคตน เติมมาจนถึง ป.6 แต่มาจนถึงวันนี้ยังกินฟรีได้แค่ 280 วัน ไม่ครบทุกวันเพราะเฉพาะวันไปโรงเรียน แต่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล นมโรงเรียนต้องแจกนักเรียนฟรี 365 วัน

 

7) ประมงท้องถิ่น ประมงพื้นบ้านที่ทำประมงน้ำจืด ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาลเราจะจัดนโยบายประมงท้องถิ่น รับ 1 แสนบาททุกปี ทุกกลุ่ม 

 

และ 8) สุดท้ายขอประกาศ สำหรับชาติพันธุ์ นโยบายประชาธิปัตย์ถ้าได้เป็นการตั้งรัฐบาลก็คือ พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดประเทศไทยต้องได้สัญชาติไทย เพื่อจะได้รับสิทธิต่างๆไม่ว่าจะเป็นการเรียนการรักษาพยาบาลและอื่นๆเฉกเช่นกับทุกคน

 

สุดท้าย ประชาธิปัตย์ยังมีนโยบายที่จะพาภาคเหนือของเราเดินหน้าไปสู่อนาคตที่รุ่งเรืองทั้งทางเศรษฐกิจสังคมต่อไป ด้วยนโยบายสำคัญ “เหนือ เชื่อมโลก” ถ้าเหนือเชื่อมโลกได้ เหนือจะรวยขึ้น คนเหนือทุกคนจะมีเงินมากขึ้น ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าสร้างเงินให้คนไทย และให้ประเทศไทย และให้คนเหนือได้อย่างเป็นรูปธรรมขึ้น

 

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ ส.ว. มีแนวคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 เพื่อปลดล็อควาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้อยู่ได้เกิน 8 ปีนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบข้อเท็จจริง และไม่ทราบว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ดังนั้นจะไม่ด่วนวิจารณ์ไปก่อน แต่เท่าที่ฟังรวม ๆ นั้น ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะมันอาจจะนำไปสู่การสร้างปัญหาไม่รู้จบในอนาคตได้ แต่ในรายละเอียดจะต้องมาดูว่าร่างแก้เป็นอย่างไร จะแก้จริง หรือไม่แก้จริง หรือแค่โยนหินถามทาง ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป เราจะไปด่วนวิจารณ์ทั้งหมดก็ยังไม่ได้ 

 

สำหรับประเด็นความเป็นไปได้ของการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้รับเสียงโหวตจากที่ประชุมวุฒิสภา จนมาถึงการแก้วาระการดำรงตำแหน่งนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบไปไกลขนาดนั้น เพราะที่ผู้สื่อข่าวถามก็ถามบัดนี้ ณ เวลานี้ว่า ตามที่ปรากฎมีความเห็นว่าอย่างไร ตนก็ให้ความเห็นได้เท่านี้ เพราะมันยังเร็วเกินไป ต้องรอดูว่ามีจริงหรือเปล่า และถ้ามีจริง รายละเอียดมันคืออะไร 

 

สำหรับความเห็น ในกรณีที่หากประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญในส่วนของประชาธิปัตย์นั้น ถือว่าเป็นนโยบายข้อนึงที่เราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่ามีเงื่อนไขก็คือ ต้องเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังคงระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 และต้องแก้เพื่อให้มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น สิ่งนี้ก็คือแนวของประชาธิปัตย์ที่ชัดเจน ไม่เปลี่ยนแปลง