posttoday

'พิชัย'หนุนกกร.ค้านปรับขึ้นค่าไฟ ดันต้นทุนผลิตเพิ่ม ประชาชนเดือดร้อน

23 ธันวาคม 2565

'พิชัย'เห็นด้วย กกร.ค้านขึ้นค่าไฟ ทำต้นทุนผลิตสินค้าเพิ่ม แนะประยุทธ์ต้องทำความเข้าใจปัญหาพลังงานกระทบทุกด้านอย่าคิดแค่เอื้อนายทุน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่าคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า และสมาคมธนาคารไทย คัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อมากขึ้น สร้างความลำบากให้กับประชาชน อีกทั้งยังทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยลดลง เพราะราคาไฟฟ้าของประเทศเวียดนามหน่วยละ 2.88 บาท  
 

นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลระงับการให้ใบอนุญาตไฟฟ้าจำนวน 5.203 เมกกะวัตต์ไว้ก่อน แม้ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนที่เป็นทิศทางของโลก

ทั้งนี้เพราะปัจจุบันมีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการสูงกว่า 50% บางครั้งสูงถึง 57% ซึ่งทำให้เสียค่าความพร้อมสูงมากและยังมีโรงงานไฟฟ้าที่ได้ใบอนุญาตที่จะสร้างเสร็จเพิ่มอีก การให้ใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่มจะทำให้กำลังผลิตไฟฟ้าล้นกว่าเดิม

จากข้อมูลที่ได้รับ มีข้อสงสัยว่าจะมีการการเอื้อประโยชน์ผู้ผลิตรายใหญ่ทำให้เป็นการล็อกสเป็กให้นายทุนบางรายเท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้ที่ผลิตเกินมาก็มาจากการเอื้อประโยชน์นายทุนพลังงานอยู่แล้ว เหมือนที่เคยบอกไว้ว่าปัจจุบัน ประเทศไทยมีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินมาก ราคาไฟฟ้ามีราคาพุ่งสูง ประชาชนเดือดร้อนกันมาก  

เรื่องสุดท้ายที่ต้องขอตอกย้ำคือการเร่งเจรจาแหล่งพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะทำให้ไทยได้รับก๊าซในราคาถูก สามารถนำมาผลิตไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงได้มาก ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซในอ่าวไทยและก๊าซจากเมียนมาร์จะอยู่เพียงหน่วยละ 2-3 บาทเท่านั้นและไทยจะมีความมั่นคงทางพลังงานเพราะมีแหล่งพลังงานเอง อีกทั้งยังจะได้รายได้จากค่าภาคหลวงปีละหลายแสนล้านบาทไปอีกเป็นสิบๆ ปี  เพื่อนำเงินมาทำสวัสดิการให้กับกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุอีกด้วย 

นอกจากนี้ก๊าซในพื้นที่ทับซ้อนนี้จะสามารถนำเข้าโรงแยกก๊าซเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจปิโตรเคมีที่ประเทศไทยมีธุรกิจปิโตรเคมีนี้เป็นมูลค่ามหาศาลอีกด้วย ซึ่งจะทำรายได้หมุนเวียนให้กับเศรษฐกิจไทยปีละเป็นล้านๆ บาทได้เลย จึงขอให้เร่งดำเนินการในทันที เพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยทั้งประเทศ และช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยได้

ดังนั้น เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำของประเทศจะต้องมีความรู้เรื่องพลังงาน และต้องรู้ถึงความสำคัญของพลังงานต่อระบบเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน จะตามใจนายทุนพลังงานอย่างเดียวไม่ได้ เพราะจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจโดยส่วนรวมและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมากเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน