posttoday

สธ. แจงเหตุยังไม่ลงนามจัดสรรงบบัตรทอง ปี 66 ต้องรอความชัดเจนทางกฏหมาย

12 ธันวาคม 2565

สาธารณะสุข ชี้แจงสาเหตุยังไม่ลงนามจัดสรรงบบัตรทองปี 2566 วงเงิน 2 แสนล้าน เพราะต้องรอความชัดเจนทางกฎหมาย เกี่ยวกับงบส่วนส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 2.1 หมื่นล้าน เร่งหารือ สปสช. แก้ปัญหาแยกจัดสรรงบบริการผู้ป่วยก่อน ระหว่างรอการพิจารณาจาก ครม. และ กฤษฎีกา

นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ยังไม่ลงนามในหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2566 ทำให้ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรืองบบัตรทองลงไปยังหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลต่างๆ มีสาเหตุมาจากการนำงบบริการสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค (PP) ไปใช้ให้บริการนอกเหนือจากสิทธิบัตรทอง คือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม อาจไม่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ และภารกิจตามที่ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2545 กำหนดไว้ในมาตรา 5 ประกอบมาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และ มาตรา 10 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสปสช. ได้ดำเนินการหารือคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาให้มีความชัดเจน

กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยคำนึงถึง 3 เรื่องหลัก คือ

1. ประชาชนต้องไม่ได้รับผลกระทบ โดยให้หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง จัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ตามปกติ
2. โรงพยาบาลไม่เดือดร้อน
3. ต้องเป็นไปตามกฎหมาย

จากการหารือนอกรอบเมื่อสัปดาห์ก่อน เลขาฯสปสช. ได้เห็นชอบตรงกันเรื่องข้อเสนอให้แยกจัดสรรเงินบริการประเภทผู้ป่วยนอก (OP) และผู้ป่วยใน (IP) และรายการอื่นๆ ไปให้หน่วยบริการก่อน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการ เนื่องจากงบบัตรทองปีงบประมาณ 2566 วงเงินทั้งหมด 204,140.03 ล้านบาท เป็นงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่รอการพิจารณาทางข้อกฎหมายเพียง 21,381.11 ล้านบาท หรือประมาณ 10% เท่านั้น งบส่วนอื่นๆ ที่ขอให้แยกจัดสรรเป็นงบส่วนใหญ่ เช่น งบเหมาจ่ายรายหัว 161,602.67 ล้านบาท ค่าบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 3,978.48 ล้านบาท ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 9,952.18 ล้านบาท เป็นต้น

ทั้งนี้ บอร์ด สปสช. จะมีการประชุมในวันที่ 14 ธันวาคม นี้ หากมีมติให้แยกจัดสรรงบตามที่กระทรวงเสนอ คาดว่าหน่วยบริการจะได้รับจัดสรรงบส่วนใหญ่สำหรับดูแลประชาชนภายในปลายเดือนธันวาคม 2565