ย้อนเส้นทางชีวิต "มิ่งขวัญ" พลิกขั้วการเมือง
ย้อนเส้นทางชีวิตการเมือง ชายชื่อ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ผู้เคยประกาศตัวรักษาคำพูด อุดมการณ์ชัด ไม่อาจอยู่ร่วมพลังประชารัฐได้
การรัฐประหารเมื่อ19กันยายน 2549 ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น มีโอกาสออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อหวังดำเนินคดีทางกฎหมายกับคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผ่านทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์...
ผู้กุมบังเหียนและมีบทบาทสำคัญช่วงเวลานั้นคือ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) อดีตผู้อำนวยการองค์กรสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคโอกาสไทยและกำลังเปิดตัวในฐานะหัวหน้าเศรษฐกิจคนใหม่ของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค
ทั้งที่ก่อนหน้านี้มิ่งขวัญได้ออกแสดงออกชัดทางการเมืองว่าไม่สามารถร่วมงานกับพลังประชารัฐได้ เนื่องจากอุดการณ์ทางการเมืองต่างกันและสำทับว่า เป็นคนรักษาคำพูดและมีจุดยืนทางการเมือง
ว่ากันว่า สาเหตุที่มิ่งขวัญ ลาออกจากหัวหน้าพรรคโอกาสไทย ก็เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.ผ่าน ไม่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญและใช้กติกาหาร 100 ปาร์ตี้ลิสต์ ทำให้พรรคเล็กหรือพรรคตั้งใหม่ลำบากแน่ เพราะจะหวังส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 370,000 คะแนนต่อหนึ่งเก้าอี้ จึงทำให้ต้องตัดสินใจทางการเมือง แต่ยังมีข้อกังขาว่า เหตุใดเล่าจึงย้ายมาร่วมงานกับพรรคที่ตัวเองยืนฝั่งตรงข้ามามาตลอด
ก่อนนี้ มิ่งขวัญ เพิ่งยื่นหนังสือลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร และประกาศลาออกจากส.ส.กลางสภา ระหว่างการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ 152 เมื่อวันที่ 17ก.พ.65 สาเหตุที่ต้องไขก๊อกเพราะ 2ปีเศษที่ไม่มีความสุขกับการทำงานส.ส. เพราะจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ตรงกันกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งไปร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
มิ่งขวัญ เริ่มต้นชีวิตทางการเมืองสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร มีโอกาสเข้าช่วยงาน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกระทั่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.)
ปี 2545 เวลานั้นสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ถูกเรียกว่า “แดนสนธยา”ชั่วพริบตาที่ มิ่งขวัญ สามารถใช้วิสัยทัศน์ ความรู้ และทิศทางของการมองโลกของนักการตลาดผู้เชี่ยวชาญโดยได้สั่งสมประสบการณ์จนเป็นองค์ความรู้ กลายเป็นช่องสถานีโทรทัศน์ที่เก๋ ทันสมัย น่าสนใจ เป็นโมเดิร์นไนน์ของจอแก้ว กระทั่งในปี 2549 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.หลังการรัฐประหาร ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ในช่วงปลายปี50 มิ่งขวัญได้รับการทาบทามจากพรรคพลังประชาชน เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในคณะรัฐมนตรีนายกฯสมัคร สุนทรเวช
หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายสมัครพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 51 และจากคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 51 มิ่งขวัญ จึงย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯขณะนั้นและเสนอตัวที่จะเป็นายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วย
มิ่งขวัญ กลับถูกลดบทบาทเมื่อพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ ยิ่งลักษ์ ชินวัตร"เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่1 ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อปี2554 เพื่อวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป มิ่งขวัญ กลายเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ6 ตัดสินใจลาออกเมื่อ18 ธันวาคม 2556 และเว้นวรรคทางการเมืองไปหลายปี กระทั่งมาร่วมงานกับพรรคเศรษฐกิจใหม่
จับตาเส้นทางการเมืองของมิ่งขวัญวัย70 นับจากนี้ หลังจากที่เคยสังกัดพรรคการเมืองแล้ว 4พรรค ประกอบด้วย พลังประชาชน (2550–2551) เพื่อไทย(2551–2556) เศรษฐกิจใหม่ (2561–2565) โอกาสไทย(2565) และกำลังก้าวเข้าสู่พรรคที่5 พลังประชารัฐ กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศ


