posttoday

“เศรษฐา” กับคนรุ่นใหม่ เสียงแห่งอนาคตที่ควรรับฟัง

31 ตุลาคม 2565

เปิดมุมมองของว่าที่นายกฯคนที่ 30 “เศรษฐา ทวีสิน” กับบทบาทคนรุ่นใหม่ เสียงที่ควรรับฟัง มากที่สุด แก้ความเหลื่อมล้ำให้ได้ เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต” บังคับเกณฑ์ทหาร ต้องเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้เป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรีให้คนอยากเข้ามาโดยไม่ต้องบังคับ

Q : เคยถามตัวเองหรือว่าคนรอบข้างพูดไหมว่าทำไมถึงเป็นความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ ทั้งๆ ที่เราอายุ 60 แล้วนะ แต่ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงสนใจ ติดตามความคิดตลอด จนถึงเรียกว่าเป็นคอลเอาต์ได้เลย เพราะอะไร

A :เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บอบบางนะ ผมว่าถ้าเกิดผมเริ่มคิดอย่างนั้นเมื่อไหร่แสดงว่าผมเริ่มหลงในสิ่งที่ผมอยากได้ยิน แต่จริงๆ เสียงที่ผมควรจะได้ยินมากที่สุดก็คือเสียงที่ไม่อยากได้ยิน 

ยกตัวอย่างเช่นพี่โอจะบอกว่าพี่นิดมาทำเนี่ย คุณอยู่ที่นี่คุณบริหารได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย สมมติคุณไปเป็นนายก ไปเป็นรัฐมนตรีอะไรก็ตามที คุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ อันนี้ผมจะเงี่ยหูฟัง แต่ถ้าพี่โอบอก โห พี่นิดเขามีสายคอลเอาต์ เป็นคนรุ่นใหม่เยอะๆ เริ่มแฮปปี้ อันนี้ผมว่าไม่ใช่แล้ว ผิดแล้ว ผมไม่เคยฟังเสียง… ขอโทษนะ ถึงแม้พี่โออาจจะเคยพูด หรือพี่วีอาจจะเคยพูด ผมก็ไม่ได้อยากฟัง ผมอยากฟังในเรื่อง… บางทีเสียงที่ไม่ได้อยากได้ยินเนี่ย เป็นเสียงที่ควรจะฟังมากที่สุดนะ

Q : แต่นิสัยของคนไทยอยากฟังสิ่งที่ตัวเองอยากจะฟัง พอสิ่งอื่นที่อยากจะฟังไม่ฟัง

A : ความเป็นคนนะครับ ผมว่าบางทีคนมันเหนื่อยๆ ขึ้นมาเนี่ยมันก็อยากที่จะฟังอะไรหวานๆ บ้าง ฟังอะไรที่มันชโลมจิตใจก็มีบ้าง แต่ว่าถ้าเกิดติดใจขึ้นมามันฟังอยู่ตลอดเวลามันก็เคลิ้มๆ ไปเหมือนกันนะ วันนี้ผมเป็นแค่กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทไซส์ขนาดกลางบริษัทนึงเท่านั้นเอง ผมว่าสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็โอเคแล้ว ลูกผมก็สบาย เรียนจบโรงเรียนดีๆ หมดแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีแล้ว แล้วผมก็หวังว่าคู่ค้าของผมก็แฮปปี้กับการทำงานร่วมกับผม พนักงานผมก็มีความสุข share holder ผมก็รีเทิร์นได้เหมาะสม อาจจะมีบางคนต้องการมากกว่า 

อย่างในแง่ของผม เวลาผมบริหารงานผมก็มีอยู่ 4 เสา แน่ๆ คือผู้ถือหุ้น ผมก็ต้องเดลิเวอร์ optimum return ให้กับเขา ลูกค้าผมก็ต้องให้สินค้าที่ดี พนักงานผมก็ต้องให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม แล้วก็อีกอันหนึ่งซึ่งระยะหลังผมให้ความสำคัญค่อนข้างจะเยอะ คือเรื่องของสังคม การคืนประโยชน์ให้สังคม ซึ่งจริงๆ แล้วคนก็พยายามไปโยงกับการเมือง แต่ผมคิดว่าไม่ใช่ เราทำมานานแล้ว แล้วผมก็อยากจะเรียกร้องให้หลายๆ ฝ่ายเข้ามาทำกันเยอะขึ้น โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆ 

Q : ยื่นมือคุณมาเข้าไปแก้ปัญหาในสิ่งที่คุณมีกำลัง

A : เพราะว่าจริงๆ แล้วหลังจากโควิดมา หรือว่าอย่างโลกของ capitalism เนี่ย winner take all เนี่ย ทุนนิยมกินรวบ คนรวย รวยขึ้นเยอะ คนจนก็จนลงไปเยอะ แล้วมันก็ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาคก็มีในทุกๆ มิติ เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องดึงตรงนี้ขึ้นมาให้มันขึ้น

Q : ทำไมหลังโควิดมันถึงห่าง ตรงนี้มันห่างขึ้นเรื่อยๆ

A :มันเห็นได้ชัดขึ้นเยอะในทุกๆ มิติ คนรวยไม่ได้ร่วงครับ ไม่ได้ร่วงหรอก (แต่คนร่วงคือคนระดับล่าง) ไม่ใช่ร่วงในแง่ของเศรษฐกิจ หรือร่วงในแง่ของกระเป๋าตังค์ที่เล็กลง ไม่ใช่นะ แต่ร่วงในทุกๆ มิติ ยกตัวอย่างเช่น อย่างแสนสิริเราทำเรื่องของ zero droupout ไปเลือกจังหวัดราชบุรีมาจังหวัดนึง แล้วก็ดูซิว่าเด็กที่หลุดออกนอกระบบการศึกษาเนี่ยมีเท่าไหร่ ทั้งประเทศมีอยู่ล้านกว่าคน ราชบุรีเนี่ย ผมให้งบประมาณไว้ประมาณร้อยล้าน 3 ปี ผมจะไม่ให้มี zero droupout คือให้เด็กกลับเข้ามาอยู่ในระบบการศึกษาหมด 

พี่วี ผม พี่โอเนี่ย เราโชคดี พี่โอเลือกได้ ให้เรียนอัสสัม สวนกุหลาบ อินเตอร์ bilingual ไปเรียนเมืองนอก ใช่ไหม เพียบ เป็นอะไรที่เราพร้อมหมด แต่มีเด็กอีกล้านกว่าคนที่อย่าว่าแต่เลือกเรียน เข้าโรงเรียนยังไม่มีเลย แล้วอย่างโควิดเนี่ย study from home ต้องมีอะไร คุณต้องมีมือถือ มีไหมสมาร์ตโฟน อาจจะมีรุ่นเก่ามาก ใช่ไปครึ่งชั่วโมง ร้อน ดับ แม่ก็บอกไม่ต้องเรียนหรอกลูก ไปเก็บส้มกันดีกว่า หลุดออกนอกระบบการศึกษาไปแล้ว แล้วความมั่นคงจะเกิดขึ้นได้ยังไงในอนาคต

“เศรษฐา” กับคนรุ่นใหม่ เสียงแห่งอนาคตที่ควรรับฟัง

Q : โจทย์ความท้าทายของคนที่จะบริหารประเทศรุ่นต่อไปมันต้องไปแก้เรื่องของความเหลื่อมล้ำของคน หนี้ กับดักหนี้มันจะปะทุเข้าไป ถ้าพิจารณาเรื่องว่า ตอนนี้สำหรับคนมันเป็นเรื่องปากท้องก่อน อันนี้จะเป็นจุดนึง

A : แต่ความจริงไม่ต้องคอยจะเป็นผู้บริหารประเทศก็ได้นะ ในองค์กรของตัวเองก็ได้ ช่วยกันได้ เป็นที่วอร์มไว้ก่อนก็ได้นะ ทุกๆ ท่านก็ทำได้หมด บริษัทผมเองก็ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก็มีอย่างน้อยเกือบๆ ร้อยบริษัทที่ไซส์เท่าเรา แล้วผู้บริหารหลายท่านก็เป็นคนหนุ่มไฟแรง แล้วก็ไม่ได้รับธุรกิจสัมปทานที่ต้องไปกลัวรัฐบาล พูดในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่าผมว่า 

แล้วก็เข้าใจว่าเราอยู่ด้วยกันมันมีหลายเจเนอเรชั่น เจเนอเรชั่นแก่กว่าเรา เจเนอเรชั่นผม เจเนอเรชั่นเล็กลงไป เด็กลงไป แต่ละคนก็มีบุคคลที่ตัวเองรักและเคารพ มี ambition แตกต่างกันไป อยู่ในแต่ละสเตจของชีวิต สร้างงาน สมัครงาน เรียนหนังสือ เก็บเงิน เอนจอย มันมีหลายๆ คน เพราะฉะนั้นเนี่ย การที่เราเป็นผู้นำองค์กร ผมใช้คำว่าองค์กรแล้วกันนะครับ เราต้องพยายามที่จะต้องให้ความเสมอภาค ให้ความเท่าเทียม ให้การเข้าถึงถึงทุกๆ คน ไม่งั้นถ้าเราไม่เข้าใจบุคคลเหล่านี้ สังคมเล็กๆ ที่เราอยู่กันได้ในแสนสิริมันก็เป็นไปได้ลำบาก แล้วถ้าเกิดเราสามารถทำตรงนี้ได้ดี แล้วถ้าเกิดทุกๆ คนทำ มันก็เหมือนฟันเฟืองที่เคลื่อนไหวประเทศ มันก็เป็นไปได้

 

Q : พี่นิดจะพูดตลอดว่าความฝันและแรงบันดาลใจเป็นสิ่งสำคัญของคนรุ่นใหม่ คนรุ่นต่อไป มองเห็นตรงนี้ยังไงถึงมองว่ามันจำเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่

อ๋อ ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ใหญ่ที่สุด เป็นเรื่องของอนาคตของประเทศ เพราะว่าในปีที่ผ่านมามีตัวเลข statistic ตัวนึงที่ค่อนข้างจะน่ากลัว ว่าประเทศไทยมีประชากรลดน้อยลงเป็นครั้งแรก บ่งบอกถึงว่าประชากรมันลดน้อยลง ลดน้อยลงแสดงว่าคนมีลูกน้อยลง คนตายช้าลง เพราะว่าเรื่องของการ advance ทางด้านการแพทย์สูงขึ้น คนเกิดน้อยลง อย่างเช่นเมืองจีน ถ้าเกิดปัญหาโควิดเขาปิดประเทศ มีคน 1,400 ล้านคน ทุกคนช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจกันเองได้ อินโดนีเซีย เวียดนาม บราซิล ไนจีเรีย สหรัฐ ทุกประเทศเนี่ย ประเทศที่มีประชากรเยอะมันได้เปรียบ ประเทศเราเนี่ยมันลดน้อยถอยลงไป ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ alarming มากนะ เพราะว่าคนไม่อยากมีลูกเพราะอะไร 

คนไม่อยากมีลูกด้วยหลายๆ เหตุผล ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงระบบการศึกษา มีลูกออกมาแล้วจะเข้าโรงเรียนได้หรือเปล่า เข้าทำงานได้หรือเปล่า ต้องมีเส้นมีสายหรือเปล่า อายุ 18 ปีต้องไปเกณฑ์ทหารหรือเปล่า อย่างเช่นเรื่องนี้ ทำเซอร์เวย์เพิ่งออกเมื่อสัก 2 นาทีที่ผ่านมาก่อนเราเข้า มาฟีดในทวิตเตอร์ผมว่า 84% ไม่เห็นด้วยกับการ compoundsery military service ใช่ไหมครับ อันนี้ก็เป็นเรื่องนึงเหมือนกันของเด็กๆ เขาบอกว่าสถาบันทหารเป็นสถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถาบันเสาหลักของประเทศสถาบันนึง เพราะฉะนั้นเด็กเองก็น่าที่จะอยากเข้าไปรับเกณฑ์ทหารอย่างสมัครใจ แต่เมื่อไหร่ก็ตามทีที่เหมือนกับคุณยิ่งบังคับผมผมยิ่งไม่ชอบ พี่โอต้องทำนี่สิ ต้องทำนี่สิ แต่ถ้าเกิดใช้เหตุผล ทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกมาเหมาะสม คนก็อยากไปทำเอง 

คนสมัยใหม่อยากจะมี option อยากจะมีทางเลือก เป็นทางเลือกเอง การศึกษา เรื่องระบบสาธารณสุข ถ้ามีโรคระบาดเสร็จแล้วผมจะถูกเทคแคร์อย่างแฟร์หรือเปล่า หรือว่าผมเป็นลูกใคร ลูกคนมีเงินถึงจะได้รับการเทคแคร์เรื่องวัคซีนที่เหมาะสมที่ถูกต้อง

สมัยก่อนคนจบมาอยากทำงานธนาคาร city bank อยากทำงาน ขอโทษ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพฯ แสนสิริ ปตท. หรืออะไร แต่ปัจจุบันนี้มันต่างไปแล้ว ไม่ใช่ทุกคนอยากเข้าทำงานบริษัทเรา เขาอยากจะทำงานบริษัทที่เห็นคุณค่าสังคม กับโลก กับ environment กับสภาพแวดล้อม เรื่องของกรีน เรื่องของ net zero เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เขาอยากจะทำงานที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ เป็นหน้าที่ของทางรัฐบาล ของทางเอกชน ที่จะต้องเซิร์ฟเขา ให้เขาเข้าถึงระบบการศึกษาได้ ระบบสาธารณสุขที่ดี การงานที่ใช้ได้ 

ให้เขามี option ที่จะเลือก ที่ไม่ถูกบังคับให้เป็นอะไร ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ถ้าเกิดเราค่อยๆ ทำ เราค่อยๆ แก้ไข มีการพูดคุยในเวทีที่เหมาะสม ในภาษาที่ทุกคนรับได้ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ เด็กรุ่นใหม่ จะเรียกเขาว่าอะไรก็ตามที เป็นภาคส่วนที่ต้องการการ nurser ต้องการการทะนุถนอม ที่ต้องการคำอธิบายให้ดี แล้วเขาจะเป็นกำลังของชาติ 

ถ้าไม่อย่างนั้นถ้าเขาหลุดออกไปเนี่ย เขาอยากออกไปก็ไปว่าเขาว่าเขาชังชาติ ไม่รักดี เหล่านี้ผมไม่เห็นด้วย ผมประนาม เพราะคนที่ไปได้คือคนที่มีทางไป เป็นคนที่มีโอกาสด้วย เพราะฉะนั้นเรายิ่งต้องเก็บเขาไว้ เขาเป็นคนไทย เขาเป็นพี่น้องเรา ไม่ได้ 

(แค่ความคิดเห็นที่แตกต่างจากความต้องการ แล้วก็ผลักไสเขาออกไปไม่ได้ จะคิดในแง่ของว่าความมั่นคงแห่งรัฐอย่างเดียว โดยลืมนึกถึงความต้องการของประชากรของประเทศก็ไม่ได้)

อันนี้ผมว่าสรุปได้ดีนะครับ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องทำให้เขาได้ทุกอย่าง บริหารความคาดหวังให้ดี กลับไปเรื่องเดิม เรื่องการบริหารความคาดหวัง อย่าไปหลอกเขา อย่าไปขายฝันเขา อะไรทำได้ง่ายๆ ทำให้เขาดูก่อนว่าผู้นำในองค์กร หรือประเทศ หรือหน่วยงานอยากจะทำให้เขา ให้เขาเห็นความหวังและแรงบันดาลใจ ให้เขาเห็นแสงสว่างในอนาคต

Q :  ไม่คิดเหรอว่าการที่รัฐบาลถ้าไปตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่จะเป็นการสปอยล์คนรุ่นใหม่

A : หน้าที่ของรัฐบาลต้องตอบโจทย์ทุกคน คุณเป็นคนของประชาชนนะครับ คนรุ่นใหม่ก็เป็นภาคส่วนนึงที่คุณต้องบริหารจัดการ ต้องทะนุถนอมเขาเพื่อให้เขาเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ผมว่าเรื่องของการสปอยล์ไม่สปอยล์เนี่ย เป็นเรื่องของเหตุผลมากกว่า เราไม่ได้ทำอะไรพิเศษให้เขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพในการเลือก เรื่องเกณฑ์ทหาร ไม่ว่าเรื่องของโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา เรื่องของการที่จะหาแหล่งงานที่เหมาะสม เหล่านี้เป็นอะไรที่เราควรจะทำอยู่แล้ว เขาไม่เรียกร้องก็ควรจะทำอยู่แล้ว รัฐบาลปัจจุบันก็อาจจะทำอยู่แล้ว อาจจะมีความบกพร่องทางด้านการสื่อสารก็เป็นไปได้ ผมไม่ทราบ

แต่ผมเชื่อว่าจริงๆ แล้วผู้นำประเทศ คณะรัฐมนตรีทั้งหลาย ทุกคนก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งนั้นแหละ ทุกคนก็อยากให้มีความสุข เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วอาจจะต้องปรับวิธีการสื่อสารหรือเปล่า วิธีการพูด อย่าใช้อารมณ์ เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่งั้นมันเหมือนกับสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟ ทำทำไม เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว

Q : เมื่อกี้พี่นิดพูดถึงเรื่องเกณฑ์ทหาร ตอนนี้บางพรรคการเมือง หลายๆ พรรคพูดถึงเรื่องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แล้วห้ามทหารเป็นนายพลฯ 7 ปีแล้วถึงจะกลับมาเล่นการเมืองได้ มองตรงนี้ยังไง เอาเรื่องแรกก่อน เรื่องของการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

A : เอาเรื่องแรกก่อน เอาเรื่องพรรคการเมืองที่ออกนโยบาย ผมว่ามันต่างกันนิดนึงว่าการที่เป็นนักการเมืองหรือเป็นประชาชนอย่างผมที่เป็นนักธุรกิจเนี่ย นโยบายบางนโยบายมันออกมาเพื่อดึงโหวตเตอร์ ใช่ไหม แต่ว่ามันก็มีอีกสเต็ปนึงคือว่าทำได้จริงหรือเปล่า ยังไม่ต้องถามลึกไปกว่านั้นอีกนะ ควรจะทำหรือเปล่า เราไม่อยากให้ใครมาด้อยค่าเรา เราก็อย่าไปด้อยค่าคนอื่นเขา บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องไปบอกว่าทหารห้ามมาเป็นนู่นเป็นนี่ ทหารคนเก่งๆ เขาก็มีใช่ไหมครับ เขาเองก็เป็นภาคส่วนหนึ่งของประเทศ ไปลิดรอนสิทธิเขา two wrongs don't make right คุณถูกลิดรอนสิทธิ์ คุณไม่จำเป็นต้องไปลิดรอนสิทธิ์คนอื่น เราเป็นผู้ใหญ่เราต้องมีสตินะครับ เรื่องบางเรื่องโฟกัสที่ไหน โฟกัสเรื่องสิทธิเสรีภาพดีกว่า 

“เศรษฐา” กับคนรุ่นใหม่ เสียงแห่งอนาคตที่ควรรับฟัง

สิทธิที่เป็นของเรา ผมถึงพูดแต่เรื่องการเกณฑ์ทหารไง ใช่ไหมครับ ตอนที่ผมเรียนอยู่เมืองนอกมันก็มีโฆษณามาตลอดเวลา เรียนหนังสืออยู่เมืองนอกเนี่ย be all you can be the army for you ใช่ไหม มีเรื่องของฉายาภาพให้เห็นว่าเข้าไปอยู่ใน army แล้วมี career path ที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น engineer ไม่ว่าจะเป็นช่าง ไม่ว่าจะเป็นทหาร คือมันเป็นอาชีพที่มันมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เขาโฆษณา เขาชี้แจง เขาดึงดูดให้คนเข้าไปเป็น ไม่ใช่บังคับให้คนมาเป็น อันนี้จะยั่งยืนกว่าการบังคับคนเข้าไป

30 ปีที่แล้วที่เรามีกฎเรื่องของการเกณฑ์ทหารอาจจะเหมาะสม เพราะอาจจะมีเรื่องคอมมิวนิสต์หรืออะไรหลายๆ อย่าง ปัจจุบันนี้เรารบกันด้วยอะไร เรารบกันด้วยสมอง เรารบกันด้วยความคิด เรารบกันด้วยกฎของการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เรื่องของการใช้อาวุธปืนอะไรพวกนี้มันก็ลดน้อยลงไป ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้นมันจำเป็นหรือเปล่าที่ต้องบังคับเขามาเกณฑ์ทหาร

“เศรษฐา” กับคนรุ่นใหม่ เสียงแห่งอนาคตที่ควรรับฟัง

Q :  มันมองในมิติความมั่นคงของ state ต่างกันถูกไหม กองกำลัง จำนวนก็เป็นส่วนนึง แต่อีกส่วนหนึ่งคือพี่นิดกำลังบอกว่าให้ส่วนของกองทัพเองก็ต้องปฏิรูปในกระบวนการ เพื่อจูงใจให้คนเข้าไปสู่อาชีพนี้ มันต้องมีแรงบันดาลใจเพียงพอ

A : ผมอาจจะเอาตัวเองเป็นหลักไปนิดนึงเนี่ยครับ โดยส่วนตัวผมคำว่าปฏิรูปเราชอบใช้ พี่โอต้องปฏิรูป คนนั้นต้องปฏิรูป สถาบันก็ต้องปฏิรูปตลอดเวลา แต่ถ้าบอกตัวเองต้องปฏิรูป คุณแฮปปี้ไหม ไม่มีใครแฮปปี้หรอก ไม่ชอบ ผมไม่ชอบ ผมไม่อยากใช้คำว่าปฏิรูป

ผมบอกให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ โลกปัจจุบันเขาเป็นยังไง จริงๆ แล้วอาจจะไม่ต้องปฏิรูปก็ได้ แค่เปลี่ยนวิธีการคิด เปลี่ยนวิธีการที่จะบังคับให้คนไปเป็นทหาร เป็นทหารไม่จำเป็นต้องไปถือปืนรบตลอดเวลา เป็นนักบินก็ได้ อยู่กรมแผนที่ทหารก็ได้ กรมพลังงานทหารก็ได้ สำนักงานปลัดบัญชีกลาโหมก็ได้ ทำบัญชีก็ได้ ทำอะไรก็ได้ มันเป็น career path ที่มั่นคง มีสวัสดิการที่ชัดเจน เทคแคร์ทั้งบุตรธิดา มีทุนการศึกษา ระบบสาธารณสุขที่ดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี  เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีการสื่อสารที่ดี สื่อสารที่เหมาะสม คนก็อาจจะอยากเข้ามาเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องบังคับ

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 16 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน