คุม เพนกวิน-ไมค์ พร้อมพวกรวม9คนเข้าเรือนจำ ศาลไม่ให้ประกันตัว
ศาลธัญบุรี อนุญาตฝากขัง "เพนกวิน ไมค์ พร้อมพวกรวม 9 คนคดีม็อบหน้า ตชด.ภ.1 และไม่อนุญาตให้ประกันตัว ชี้มีคดีอื่นอีกกลัวทำอันตรายก่อความวุ่นวายอีก คุมตัวเข้าเรือนจำ
ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี วันที่ 9 ส.ค.64 พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า นำตัว นายพรหมศร วีระธรรมจารี, นาย Sam Samart หรือSamat หรือแซม สาแมท, นายพริษฐ์หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, นายณัฐชนน ไพโรจน์, นายสิริชัย นาถึง, นายชาติชาย แกดำ, นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก, น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1
โดยพนักงานสอบสวน ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ข้อหาดังนี้
1.มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น (โดยนาย Sam Samart ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการฯ)
2.ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน
3.ร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมหรือกิจกรรมที่มี ความเสี่ยงการแพร่โรคในพื้นที่ที่ประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4.ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป
5.ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวดที่มีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดปทุมธานี ที่ 7022/2564 เรื่องกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ลงวันที่ 18 ก.ค.64 ข้อ 8 6.ร่วมกันทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต (ยกเว้นนาย Sam Samart ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 และนายสิริชัย นาถึง ผู้ต้องหาลำดับที่ 5), 7. ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นนายพรหมศร วีระธรรมจารี ผู้ต้องหาลำดับที่ 1, นายพริษฐ์หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ที่ 3, นายชาติชาย แกดำ ที่ 6, นายธนพัฒน์ กาเพ็ง ที่ 9 )
โดยพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 2 ส.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บชน.ได้จับกุมนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ดาวดิน กับพวกมาควบคุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 หมู่ 6 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.คลองห้า ต่อมาวันเดียวกัน (2 ส.ค.64) นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, นายณัฐชนน, น.ส.ปนัดดา, นายภาณุพงศ์หรือไมค์, นายธนพัฒน์, นายพรหมศร, นายชาติชาย, นายสิริชัย เป็นแกนนำหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการให้มีการ มั่วสุมกันมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
โดยนายพริษฐ์หรือเพนกวิน กับพวกมีการสลับกันขึ้นพูดปราศรัยบนรถที่มีเครื่องขยายเสียงโดยไม่มีการขออนุญาต มีการพูดปลุกเร้า กดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยตัวนายจตุภัทร์หรือไผ่ดาวดิน กับพวกที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ภายใน บก.ตชด.ภ.1 ออกมา และมีการก่อความวุ่นวายโดยใช้รถยนต์ปิดกั้นถนนลักษณะเป็นการขัดขวางการจราจรทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง อีกทั้งยังได้ปราศรัยโจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาล
ด้าน ทนายความของผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ได้ขอคัดค้านการขอฝากขังครั้งที่ 1 และขอให้ศาลไต่สวนพนักงานสอบสวนด้วย ซึ่ง ศาลเปิดห้องพิจารณาโดยมีบุคคลที่ผู้ต้องหาทั้ง 9 คนไว้วางใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาหน้า ซึ่งก่อนการไต่สวนศาลได้อ่านและอธิบายคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบแล้ว
กระทั่งเวลา 21.00 น. ศาลได้อ่านคำสั่งคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้วเห็นว่า ตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ ส่วนคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาลำดับที่ 2 นั้นศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานชั้นไต่สวนคำร้องและคำแถลงคัดค้านแล้วเห็นว่า ตำรวจใช้อำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีมีหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำความผิดอาญาและถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันกับความผิดที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะก่อเหตุอันตรายประการอื่น เมื่อผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และมีเหตุจำเป็นที่จะสอบสวน พนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ เมื่อพนักงานสอบสวนยังดำเนินการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ กรณีมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ตามขอ ทั้งนี้ ศาลได้แจ้งสิทธิในการขอปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาลำดับที่ 1-9 ทราบแล้ว ก็ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาล
โดยเมื่อเวลา 21.40 น. ศาลอ่านคำสั่งการขอปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาลำดับที่ 1-8 ว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง ทั้งที่ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นอันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง ส่วนผู้ต้องหาลำดับที่ 9 ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทำการโดยไม่เกรงกลัว ต่อกฎหมายบ้านเมือง อีกทั้งไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในสภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในวงกว้าง หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 108/1(3) ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อศาลจังหวัดธัญบุรีมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทาง 9 คนแล้วโดยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในชั้นฝากขังนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 9 คนไปคุมขังอย่างเรือนจำธัญบุรีต่อไป


