จุดจบมือปืนชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
วงจรชีวิตของคนร้ายที่จ้องก่อกรรมทำเข็ญสุดท้ายก็หนีไม่พ้นเวรกรรม หากไม่ถูกจับมาดำเนินคดี ก็อาจมีจุดจบไม่ต่างจาก “เหยื่อ” ที่พวกเขาได้สังหารไป....
วงจรชีวิตของคนร้ายที่จ้องก่อกรรมทำเข็ญสุดท้ายก็หนีไม่พ้นเวรกรรม หากไม่ถูกจับมาดำเนินคดี ก็อาจมีจุดจบไม่ต่างจาก “เหยื่อ” ที่พวกเขาได้สังหารไป....
โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ
วงจรชีวิตของคนร้ายที่จ้องก่อกรรมทำเข็ญสุดท้ายก็หนีไม่พ้นเวรกรรม หากไม่ถูกจับมาดำเนินคดี ก็อาจมีจุดจบไม่ต่างจาก “เหยื่อ” ที่พวกเขาได้สังหารไป
“เกิดเป็นมือปืนรับจ้าง” ไม่ฆ่าเขา สักวันก็ต้องถูกฆ่า ถือเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นตามอาชีพที่อาชญากรหลายคนต้องประสบ ที่ผ่านมามือปืนรับจ้างถูกวิสามัญจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไปก็มีมาก ตามตำรา ฆ่าคนอื่นตาย ตัวเองก็ต้องตายตาม เข้าข่ายชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต!!
หากย้อนดูอดีตพอมีให้เห็นเป็นเครื่องเตือนใจ มือปืนรับจ้างที่ถูกวิสามัญไป ไล่เลียงให้ได้เห็นภาพถึงความโหดร้าย และสุดท้ายตำรวจก็ต้องเป็นฝ่ายปลิดชีพ นั่นเป็นเพราะตำรวจก็รักชีวิต เมื่อคนร้ายต่อสู้ การยิงสวนเพื่อป้องกันตัว และเพื่อให้ “มือปืน” หยุดจึงเกิดขึ้น สุดท้ายก็ลงเอยด้วย “วิสามัญฆาตกรรม” วลีฮิตติดปากตำรวจเมื่อปลิดชีพวายร้ายสำเร็จ
อันดับแรก มือปืนรายนี้ชื่อชั้นและการจัดอันดับของตำรวจถืออยู่ในขั้น “พระกาฬ” ก่อเหตุมาแล้วอย่างโชกโชน ที่สำคัญ เขาผู้นี้เคยเป็นตำรวจมาก่อน!!!
ส.ต.อ.สุมิตย์ หรือ ชาติณรงค์ ประจำเศรษฐ์ ในวัย 40 ปี อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ถูกตำรวจภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญของ สตร. (ตำแหน่งในขณะนั้น) ซัลโวด้วยห่ากระสุนปืนเพื่อยุติความร้ายกาจของมือปืนรายนี้เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2551 ที่ถนนแจ้งวัฒนะ หน้าห้างแม็คโคร
เหตุเกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามติดมือปืนที่เคยเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มานาน แต่เปลี่ยนอาชีพหันมาเป็นโจรเสียเอง ก่อเหตุฆ่าคนตายมาแล้วถึง 8 คดี ตำรวจจึงปล่อยไว้ไม่ได้
ส.ต.อ.สุมิตย์ เป็นมือปืนอันดับ 1 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2550 เคยก่อคดีรับจ้างฆ่าคนมาทั้งหมด 8 คดี ทั้งในพื้นที่นครบาลและต่างจังหวัด ก่อนถูกปลิดชีพสายแจ้งว่า นักฆ่าละเลงเลือดตัวฉกาจได้มาที่เกิดเหตุเพื่อเตรียมรับงานฆ่าเหยื่อรายใหม่ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งและจะตามไปยิงซ้ำเหยื่ออีกรายที่ยังไม่เสียชีวิต
ตำรวจทราบเรื่องรีบนำกำลังมาดักซุ่ม ในที่เกิดเหตุ ส.ต.อ.สุมิตย์ กำลังนั่งแท็กซี่จะออกจากลานจอดรถ เจ้าหน้าที่รีบขับรถปาดขวางทั้งหน้าและหลัง บล็อกไม่ให้ขยับ พร้อมแสดงตัวสั่งให้มอบตัว ขณะที่โชเฟอร์แท็กซี่รีบเปิดประตูวิ่งออกไป
คนร้ายก็คือคนร้ายวันยังค่ำกลับไม่ยอม ชักปืน 11 มม. เขี้ยวเล็บประจำตัว ระเบิดกระสุนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียงดังสนั่นหลายนัด วินาทีนั้น ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวนเข้าไปในรถหลายนัด ท่ามกลางความตกตะลึงของชาวบ้านที่มาจับจ่ายข้าวของ กระทั่งเสียงของคนร้ายเงียบหายไป ตรวจสอบพบคนร้ายถูกยิงเสียชีวิตคาที่...ถือเป็นจุดจบของนักละเลงเลือดตัวฉกาจทันที
อีกตัวอย่างสาเหตุที่ตำรวจต้องตัดสินใจซัลโวเพื่อดับมือปืน เหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2552 มือปืนนามว่า “จั๊ว ดอนรัก” หรือ วิเชียร พิกุลขาว อายุ 43 ปี มือปืนคนสำคัญของ จ.อ่างทอง ถูกตำรวจ สภ.วิเศษชัยชาญ ยิงดับกลางทุ่งนา ข้อหาริอาจชักปืนยิงสู้ตำรวจ
มือปืนรายนี้ประวัติค่อนข้างโชกโชน ทั้งสังหารนักการเมืองชื่อดัง เพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาหมาดๆ หลังจากที่เคยถูกจับคดียิงผู้ใหญ่บ้านใน ต.ไผ่ดำพัฒนา อ.วิเศษชัยชาญ เข้ามาเคลื่อนไหวรับงานในพื้นที่ และมาพักอาศัยอยู่ในบ้านของทหารคนหนึ่ง จึงเข้าตรวจค้น แต่โจรชื่อก้องไม่ยอม แถมยังชักปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเปิดทางหลบหนีและวิ่งหนีมาในทุ่งนา พร้อมกับใส่เสื้อเกราะกันกระสุน และพก “ตะกรุด” เครื่องรางของขลังหวังยึดเหนี่ยวจิตใจ
จากคำบอกเล่าของนายตำรวจนายหนึ่ง ที่ไม่ขอเปิดเผยนาม เล่าให้ฟังเกี่ยวกับอาชีพ “มือปืนรับจ้าง” ไว้อย่างน่าสนใจ คือ เมื่อลึกลงไปในรายละเอียดของแต่ละกลุ่มมือปืนจะพบว่ามีอยู่ 3 กลุ่มที่รับทำงาน คือ กลุ่มแรกเป็นมือปืนอาชีพ รับจ้างฆ่าคนโดยตรง
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของตำรวจนักสืบ ส่วนใหญ่จะมีจุดเริ่มต้นชีวิตบนถนนสายนี้ เริ่มจากสามัญชนคนธรรมดาอาจถูกเอารัดเอาเปรียบ สังคมบีบคั้นจนกลายเป็นฆาตกร บางคนก่อคดีแล้วถูกจับติดคุก แทนที่จะสำนึกผิดกลับไปเจอกับขาใหญ่ เมื่อพ้นโทษก็ติดต่อกันเรื่อยมา พอมีงานก็ชักชวนกันไปรับจ้างฆ่า ได้เงินมาก็ไปใช้จ่าย เมื่อเงินหมดก็รับงานใหม่ ไม่รู้จักจบ เพราะคิดว่าทำแล้วก็ทำอีกได้
กลุ่มที่สองฆ่าเพื่อตอบแทนบุญคุณ เรื่องเงินทองเป็นปัจจัยรอง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล โดยเฉพาะนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ มักจะอุปการะเลี้ยงดูมือปืนไว้ เมื่อใครมาขวางทางธุรกิจหรือขัดแย้งทางการเมือง ก็จะสั่งคนเหล่านี้ไปปลิดชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ มือปืนกลุ่มนี้เมื่อลงมือสังหารใครแล้วก็จะได้รับการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ มีการส่งตัวไปกบดานยังที่ต่างๆ ครอบครัวทางบ้านจะได้รับการดูแลอย่างดี
“ส่วนกลุ่มสุดท้าย มือปืนหางแถว มีพฤติกรรมชอบโอ้อวดว่าตัวเองมีปืน ตลอดจนมีผู้ใหญ่คุ้มกะลาหัวอยู่ ทำไปด้วยการไม่วางแผน พวกนี้จะถูกจับกุมง่าย เนื่องจากงานไม่ละเอียด ไม่รู้ทางหนีทีไล่”
กรณีข้างต้นทั้งสองเหตุการณ์ หรือในหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าคนร้ายสุดท้ายก็หนีไม่พ้นเวรกรรม หากไม่ถูกจับมาดำเนินคดี ก็อาจมีจุดจบไม่ต่างจาก “เหยื่อ” ที่พวกเขาได้สังหารไปนั่นแหละ
คดีล่าสุดสองคนร้ายชื่อกระฉ่อนเมืองพระนครศรีอยุธยาอย่าง “จิ๊บ และโจ๊ก ไผ่เขียว” สองพี่น้องนักค้ายา ที่ไปยิงใส่รถของน้องโตมี่ หรือ ด.ช.โภคิน ดีผิว อายุ 12 ปี ด้วยความคึกคะนองจนน้องโตมี่เคราะห์ร้ายต้องจบชีวิตลงเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 ธ.ค. ตำรวจก็ตามไปจับกุมคนก่อเหตุ คือ จิ๊บและโจ๊ก ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองพระนครศรีอยุธยา
แต่เมื่อคนร้ายเกิดชักปืนสู้ ตำรวจไม่มีทางเลือกต้องวิสามัญ ผลออกมาโจ๊ก ไผ่เขียว ถูกลบชื่อออกจากสารบบมือปืนทันที ส่วนนักฆ่าผู้น้อง จิ๊บ ไผ่เขียว หลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด แต่เชื่อว่าไม่นานต้องถูกจับแน่นอน แต่จะเป็นรูปแบบไหน ต้องคอยติดตามกัน...ทั้งหมดคือเส้นทางของนักฆ่าที่มีตำนานสอนใจคนรุ่นหลังอย่าได้เดินรอยตาม!!!


