เข้าคุกอีกราย! ศาลไม่ให้ประกัน "จัสติน ชูเกียรติ" คดีชุมนุม-ม.112
ศาลไม่ให้ประกัน "จัสติน ชูเกียรติ" หลังตร.ยื่นฝากขังคดีชุมนุม-ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าศาลฎีกาเมื่อ 20 มี.ค. ชี้พฤติการณ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดทำนองเดียวกันหลายคดี หากปล่อยตัวอาจทำผิดซ้ำอีก
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 23 มี.ค.64 ช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือจัสติน อายุ 30 ปี กลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 519/2564 คดีร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมีใช่เป็นการกระทำภายใน ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 , 216, ความผิดเกี่ยวกับสถาบัน มาตรา 112 และความผิดอื่นตามมาตรา 138 วรรคแรก วรรคสอง, 140 วรรคแรก, 295, 296 และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
กรณีเกิดเหตุทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ซึ่งติดตั้งอยู่ที่บริเวณต้านหน้ารั้วของศาลฎีกา ระหว่างการชุมนุมบริเวณหน้าพระแม่ธรณีบีบมวยผม ข้างศาลฎีกา ถ.ราชดำเนินใน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนค กรุงเทพมหานคร เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.64 โดยผู้ต้องหาได้นำกระดาษที่เขียนข้อความว่า "ที่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล!"ไปติดไว้ที่บริเวณพระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าว ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพของผู้ต้องหาที่กระทำผิดไว้ได้ แล้วในเวลาต่อมาพบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้จุดไฟเผาที่พระบรมฉายาลักษณ์จนเกิดประกายไฟ แต่มีผู้ชุมนุมบางส่วนสามารถช่วยกันดับไฟไว้ได้ทัน
จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศให้หยุดผู้ต้องหากับพวกผู้ชุมนุมไม่ยอมหยุดแต่กลับปาสิ่งของขวดน้ำ ขว้างปาระเปิดปิงปองและยิงหนังสติ๊ก เข้าใส่เจ้าหน้าที่ ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ซึ่งศาลดำเนินการสอบถามผู้ต้องหาและไต่สวนพยานหลักฐานผ่านวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ พนักงานสอบสวนขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.- 3 เม.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 11 ปาก และรอผลการตรวจชันสูตรบาตแผลของเจ้าพนักงานตำรวจ กับพยานที่ได้รับบาดเจ็บ, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
ทั้งนี้พนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันชุมนุมแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายจำนวนมาก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวจึงเกรงว่าจะไปร่วมกันชุมนุมแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายในลักษณะเดียวกันอีก
ประกอบกับผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง คือ ความผิดตามมาตรา 112 ท้องที่ สน.ลุมพินี, ความผิดมาตรา 112 ท้องที่ สน.ท่าพระ ซึ่งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน, ความผิดมาตรา 112,116, 225 ท้องที่ สน.บุปผาราม, ความผิดเกี่ยวกับโบราณสถาน ท้องที่ สน.ชนะสงคราม ซึ่งพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลในคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 , อ.5399/2564 ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
จึงแสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายแต่อย่างใด หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก
โดยศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ต่อมาภายหลังศาลอนุญาตฝากขังแล้ว มี ส.ส.ใช้ตำแหน่งเป็นหลักประกัน มูลค่า 1,135,600 บาท ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา
ซึ่งศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว มีความร้ายแรงและมีอัตราโทษสูง ตลอดจนผู้ต้องหาเคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในลักษณะความผิดเดียวกันนี้มาแล้ว แต่ผู้ต้องหาก็ยังมากระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีก เชื่อว่าหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไปกระทำการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองซ้ำอีก ตลอดจนพนักงานสอบสวนคัดค้านประกัน จึงให้ยกคำร้อง
โดยเมื่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแล้ว ผู้ต้องหาก็ต้องถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำตลอดระยะเวลาฝากขังดังกล่าวต่อไป


