"เทพไท"ชี้ช่องสอบพรก.กู้เงิน"เยียวยา5พันบาท48ล้านคน"หวั่นมีบัญชีผี
ส.ส.ประชาธิปัตย์เสนอให้กมธ.สอบพรก.กู้เงินโครงการ"เยียวยา5พันบาท48ล้านคนหวั่นมีบัญชีผี"รวมถึงการนำโครงการเก่ามาปัดฝุ่นทั้ง"ขุดคลอง- ซื้อกล้องCCTV-โครงการทำซุ้มเข้าเมือง"
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายสนับสนุนญัตติขอให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตาม ตรวจสอบการใช้เงินของ พ.ร.ก.กู้เงิน3 ฉบับ 1.9 ล้านล้านบาท ว่า เป็นยอดเงินกู้ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย จึงมีต้องการที่จะให้มีการใช้เงินกู้ทั้งหมดเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นใดๆ เพราะเงินกู้ทั้งหมดคือภาระหนี้ของคนไทยทุกคนที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ขอเสนอให้ คณะกรรมาธิการวิสามัญที่จัดตั้งขึ้น เข้าไปตรวจสอบในส่วนต่างๆดังนี้
1.งบประมาณที่ใช้ในการเยียวยาจำนวน 555,000 ล้านบาทให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19จำนวนทั้งหมด 48ล้านคน ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าจำนวนคนจำนวน 48ล้านคนนี้ มีตัวตนที่แท้จริงหรือไม่ เพราะได้เคยอภิปรายตั้งคำถามในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อครั้งการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน3ฉบับ ถึงเหตุผลในการเยียวยาเป็นรายบุคคล และกลุ่มต่างๆ แต่ไม่ยอมใช้การเยียวยาเป็นรายครัวเรือนที่มี21ล้านรายตามเคยเสนอไว้ จึงทำให้สงสัยว่าในจำนวนผู้เยียวยาทั้งหมด 48ล้านคนนี้ มีบัญชีผีหรือบัญชีที่ไม่มีตัวตนบ้างหรือไม่
ต้องเข้าไปตรวจสอบระบบการเยียวยาทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรม AI ที่ใช้คัดกรองผู้มีสิทธิ์ได้รับการเยียวยาทั้งหมด เพราะถ้าหากมีบัญชีผีแอบแฝงอยู่เพียง 1ล้านบัญชี ก็จะทำให้สูญเสียเงินไป 15,000 ล้านบาทในทันที ซึ่งเงินจำนวนนี้อาจจะตกไปอยู่ในกระเป๋าของนักการเมือง หรือเป็นทุนให้พรรคการเมืองสำหรับใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ได้ อยากให้มีการจับโจรใส่สูท โจรในเครื่องแบบ โจรในคราบนักการเมือง ที่มาปล้นภาษีของประชาชน
2.งบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงินกู้4แสนล้านบาท มีการนำโครงการเก่ามาปัดฝุ่น เปลี่ยนชื่อโครงการเติมคำว่าโควิดเข้าไป ก็ทำให้โครงการเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างมหัศจรรย์ จึงขอชี้เป้าโครงการที่สุ่มเสี่ยงกับการทุจริต ควรเข้าไปตรวจสอบ เช่น โครงการจัดซื้อกล้องวงจรปิด(CCTV) โครงการขุดลอกคลอง โครงการจัดซื้อเสาไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์ โครงการทำซุ้มเข้าเมือง หรือป้ายโฆษณาแนะนำแหล่งท่องเที่ยว โครงการปรับภูมิทัศน์ โครงการที่ใช้งบประมาณไม่เกิน5แสนบาท ฯลฯ
3.การวางโครงการพื้นฐานด้านการแพทย์ และสาธารณสุขจำนวน 4แสนล้านบาท ต้องให้คณะกรรมาธิการวิสามัญเข้าไปตรวจสอบเรื่องโครงการต่างๆที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่นและหน่วยงานราชการเสนอโครงการเข้ามาถูกต้องตามระเบียบและหลักเกณฑ์ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติหรือไม่ส่วนงบประมาณที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดอุดหนุนให้กับ รพ.สต.แห่งละ 3แสนบาท ค่าป่วยการของ อสม.คนละ 500 บาทต่อเดือน จำนวน 19 เดือน เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2563-กันยายน 2564 และสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือให้กับ อสม.หรือไม่
"ขอเสนอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ได้คัดสรรบุคคลที่มีความรู้ความสามารถจากทุกภาคส่วน เช่น นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ตัวแทนองค์กรต้านคอร์รัปชั่น และตัวแทนสื่อมวลชนมีส่วนร่วมในคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ด้วย รวมถึงการตั้งอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ติดตาม ตรวจสอบเฉพาะด้าน และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอิสระอีกด้วย"นายเทพไท กล่าว
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลชุดนี้ได้ใช้การตรวจสอบโครงการเงินกู้ครั้งนี้มาตรฐานเดียวกับเงินกู้โครงการมิยาซาวา แพลน ปี 2542 และเงินกู้โครงการไทยเข้มแข็ง ปี 2552 ที่มีแผนงาน โครงการที่ชัดเจน มีการเปิดเว็บไซต์เฉพาะกิจ เพื่อเปิดเผยข้อมูล การจัดซื้อจัดจ้าง ความก้าวหน้าของโครงการทั้งหมดให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเองได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐบาลในทุกๆด้านอีกด้วย


