ธนาคารในเซเว่นอีเลฟเว่น สุดท้ายซีพีรวย
ดูน่าตื่นเต้นเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งตัวแทน (Banking Agent) มาให้บริการทางการเงินแทนได้ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น
ดูน่าตื่นเต้นเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งตัวแทน (Banking Agent) มาให้บริการทางการเงินแทนได้ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น
โดย....ทีมข่าวการเงิน
ดูน่าตื่นเต้นเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งตัวแทน (Banking Agent) มาให้บริการทางการเงินแทนได้ในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น
ด้วยการให้ธนาคารแต่งตั้งตัวแทนที่เป็นบริษัทที่มีสาขาจำนวนมากที่ครอบคลุมผู้บริโภค อย่างร้านเซเว่นอีเลฟเว่น บริษัท ไปรษณีย์ไทย ฯลฯ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์แต่งตั้งธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาเป็นตัวแทน
จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น ทั้งการรับฝากเงิน ถอนเงิน โอนเงิน รับชำระเงิน รวมถึงเป็นตัวแทนจ่ายเงิน จากเดิมที่เปิดให้ตัวแทนทำได้เพียงรับชำระหนี้จากลูกค้า เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อต่างๆ พร้อมกันนี้ยังช่วยลดต้นทุนการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ให้ต่ำลงด้วย
แม้จะดูน่าตื่นเต้น แต่นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วช่วงที่ วิโรจน์ นวลแข เป็นกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย ได้มีนโยบายจะร่วมทุนกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยมีข้อตกลงการร่วมลงทุนซื้อหุ้นธนาคาร Business Development Bank (BDB) จำนวน 10 ล้านหุ้น จากกลุ่มบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ที่ถือหุ้นอยู่ 58% เศษ และจากการเพิ่มทุนใหม่อีกประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกเหนือจากยกเลิกข้อตกลงร่วมทุนกับธนาคาร BDB แล้ว ธนาคารกรุงไทยยังยกเลิกสัญญาการขายหุ้นเพิ่มทุน 30 ล้านหุ้น ให้ทางกลุ่มบริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา ของกลุ่ม ภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ และกลุ่มซีพี เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารลงมาให้เหลือ 40% จากปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 99.99%
ผลของการยกเลิกสัญญาดังกล่าว ทำให้ข้อตกลงการร่วมธุรกิจระหว่างธนาคารกรุงไทยกับบริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น ในการสร้างช่องทางการขายและระบบการชำระเงินต้องมีปัญหาไปด้วย แม้ว่าธนาคารจะชี้แจงว่าทั้งสองฝ่ายอาจจะมีการเจรจาเพื่อประโยชน์ของทั้งสองในภายหน้าก็ตาม
ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นว่า มีคนเห็นศักยภาพของร้านสะดวกซื้อที่เข้าไปอยู่ในทุกซอกทุกมุมของชุมชน และเกือบทุกสาขาของร้านเหล่านี้จะมีตู้เอทีเอ็มติดเพื่อให้บริการลูกค้าในชุมชน และเป็นการขยายช่องทางทำตลาดที่ฉลาด เพราะเซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขาทั่วประเทศ 5,300 สาขา และเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้บริโภคใช้บริการได้ทั้งวัน
ปัจจุบันร้านสะดวกซื้อก็ได้ตั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิสรับชำระค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนรถ ขายประกันภัย ฯลฯ ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการต้องเสียค่าบริการครั้งละ 15 บาทต่อรายการ
สมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายความเสี่ยง ธปท. กล่าวว่า การปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าวช่วยให้ธนาคารพาณิชย์มีโอกาสบริหารต้นทุนในการบริการดูแลลูกค้าได้มีประสิทธิภาพขึ้น และยังสามารถตรวจสอบได้ ดูแลความเสี่ยงในธุรกรรมต่างๆ ได้ ซึ่งการมีตัวแทนถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายธุรกิจและขยายการบริการ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีช่องทางการบริการที่ลึกและกระจายครอบคลุมได้ในทุกพื้นที่
ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าจะทำจริงคงไม่ง่าย เพราะธนาคารแต่ละแห่งจะต้องเข้าไปเจรจากับซีพี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
บุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า ธนาคารสนใจการใช้ช่องทางสาขาของธนาคารพาณิชย์อื่นทำธุรกรรมของธนาคาร โดยไม่มุ่งเน้นการขยายสาขามากจนเกินไป เพราะนอกจากการช่วยลดต้นทุนของธนาคาร ยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบสถาบันการเงิน โดยไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
บุญทักษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ ธปท.ออกกฎหมายจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ปัจจุบันการเปิดสาขาของธนาคารพาณิชย์มีความซ้ำซ้อน ซึ่งการให้บริการสถาบันการเงินแยกเป็น 2 ส่วน คือ ในด้านการให้บริการและด้านการขาย ฉะนั้นการใช้ช่องทางธนาคารพาณิชย์อื่น ก็จะเป็นเรื่องการขาย ส่วนการให้บริการก็มาเน้นที่สาขาของธนาคาร แต่การจะทำก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ทันที เพราะต้องมีการดูในเรื่องการเชื่อมโยงระบบระหว่างธนาคาร
“การเชื่อมโยงระบบต้องทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและได้ประโยชน์เหมือนเดิม เช่น การได้สเตจเมนต์ เอกสารต่างๆ ลูกค้าต้องได้รับความสะดวกด้วย ไม่ใช่มาติดต่อที่ธนาคารอื่นแล้วได้แค่กระดาษกลับมา อีกอย่างถ้าธุรกรรมขนาดใหญ่ก็ต้องดูว่าควรใช้ช่องทางธนาคารเฉพาะกิจจะดีกว่าการใช้ช่องทางไปรษณีย์หรือเปล่า ต้องดูความเหมาะสมขนาดของธุรกรรมด้วย” บุญทักษ์ กล่าว
ดังนั้น การจะใช้ร้านสะดวกซื้อทำธุรกรรมของธนาคาร จะต้องดูหลายอย่างทั้งพื้นที่ของร้านและชุมชนบริเวณนั้นต้องการบริการแบบใด และจะต้องหาผลิตภัณฑ์มาสนองความต้องการของลูกค้าให้ตรงจุด
นอกจากนี้ จะต้องมีการหาพนักงนของธนาคารไปนั่งรับฝากเงินหรือพิจารณาสินเชื่อเงินสด ซึ่งคงจะไม่สามารถให้พนักงานของร้านสะดวกซื้อทำธุรกรรมให้ รวมทั้งจะต้องมีการทำระบบการบริหารเงินสด (Cash Management) ที่ดี ด้วยการใช้ความถี่สูงในการเก็บเงินจากเคาน์เตอร์ เพราะร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมักจะมีความเสี่ยงที่จะถูกปล้นบ่อยครั้ง
จากนี้ไปแต่ละธนาคารต้องวิ่งเข้าหาร้านสะดวกซื้อ เพื่อต่อรองและการต่อรองจะไม่ง่าย เพราะธนาคารแต่ละแห่งที่อยากได้พื้นที่ที่มีธุรกรรมเยอะ ก็จะต้องแย่งชิงเสนอผลตอบแทนให้ร้านสะดวกซื้อมากกว่า
สรุปแล้วงานนี้ คนที่จะรวยจากนโยบายนี้ คือ ร้านสะดวกซื้อ ที่มีสาขาเยอะที่สุด คือ เซเว่นอีเลฟเว่น และไปรษณีย์ไทย นั่นเอง


