posttoday

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

27 ตุลาคม 2562

เปิดโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี จากปากทายาทกลุ่มธุรกิจ ช.การช่าง ที่คำนึงถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม

เปิดโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี จากปากทายาทกลุ่มธุรกิจ ช.การช่าง ที่คำนึงถึงชุมชนและสิ่งแวดล้อม

*************************

29 ตุลาคม 2562 ความมั่นคงทางพลังงานบนพื้นที่ 1 ใน 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่แขวงไซยะบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จะเริ่มเดินเครื่องเต็มอัตราขีดความสามารถการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ 1,280 เมกะวัตต์ ส่งให้ชาวไทยและลาวได้ใช้

แต่ทว่าก่อนที่หมุดความมั่นคงทางพลังงานแห่งนี้จะเกิดขึ้น ใช้ระยะเวลากว่าทศวรรษในการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2007 ตั้งแต่เริ่มศึกษาสำรวจสภาพพื้นที่ธรรมชาติทางธรณีและภายในแม่น้ำโขง วิถีชีวิตผู้คนโดยรอบเพื่อให้โรงไรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งนี้ เพื่อจะเป็นต้นแบบแหล่งผลิตพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้

เมื่อไม่นานนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้เข้าไปสัมผัสเจาะลึกในช่วงการเตรียมความพร้อมก่อนโรงไฟฟ้าไซยะบุรี จะเริ่มเดินเครื่องอย่างเป็นทางการวันทีี่ 29 ตุลาคมนี้ พร้อมพูดคุยกับ “ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์” กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งหัวเรือใหญ่ในกลุ่มธุรกิจ ช.การช่าง จะมาบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นโครงการด้านความมั่นคงทางพลังในช่วงลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างของลาวแห่งนี้เมื่อ 12 ปีก่อน และการเข้าไปพัฒนาดูแลพื้นที่โดยรอบให้สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

โรงไฟฟ้าไซยะบุรี ความเป็นหนึ่งกับแม่น้ำโขง

ธนวัฒน์ เริ่มเล่าว่า หลังจากได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลลาว ให้เข้าไปดำเนินการศึกษาวิจัยสำรวจสภาพทรัพยากรทางธรรมชาติและชุมชนพื้นที่โดยรอบ ก็ยืนหยัดในวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทที่ว่า ต้องดำเนินทุกโครงการบนพื้นฐานความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่กับธรรมชาติและวิถีของชาวบ้านได้อย่างลงตัว ไม่เอาแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว

เนื่องจากส่วนตัวมีความเชื่อว่า หากไม่สามารถดูแลชุมชนสิ่งแวดล้อมรอบโรงไฟฟ้าได้ดี เราก็อยู่ไม่ได้อยู่ได้ยาว เพราะจะถูกมองเป็นองค์กรที่ไม่มีความน่าเชื่อถือบนเส้นทางธุรกิจ ฉะนั้นวันนี้ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ซีเค พาวเวอร์ ดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตในระยะยาวได้

ด้วยเหตุนี้ทำให้ตั้งแต่ปี 2007 ซีเค พาวเวอร์ ที่เข้าไปดำเนินการศึกษาวิจัยสำรวจสภาพทรัพยากรและชุมชนพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า 2-3 ปีแรกดำเนินการ อาทิ สำรวจทรัพยากรโดยรอบ , จัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) , ประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) ฯลฯ. ภายใต้ข้อกำหนดมาตรฐานของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) 4 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อย่างเคร่งครัด

โดยในเม็ดเงินที่นำมาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี กว่า 1.3 แสนล้านบาท มีการแบ่งมาลงทุนกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ทำโครงการก่อสร้างไว้สำหรับดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำในแม่น้ำโขง ด้วยการทำ Multi-system Fish Passages หรือ ระบบทางปลาผ่านแบบผสม ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นระบบที่ดีที่สุดในโลกในตอนนี้ ซึ่งช่วยให้ฝูงปลาบอบช้ำน้อยเมื่อว่ายผ่านโรงไฟฟ้าแห่งนี้ และสามารถว่ายขึ้นไปขยายพันธุ์ วางไข่ได้ตามวงจรชีวิตปกติ

“เราเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงาน ก็ดูแลสังคม สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆโรงไฟฟ้าควบคู่กัน ผ่านแนวคิดที่จะเป็นบริษัที่ผลิตไฟฟ้าอย่างยั่งยืน”

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

ส่งเสริมอาชีพ พัฒนาคน-ชุมชนเพื่อสร้างแห่งเศรษฐกิจ

สำหรับการพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ทายาทแห่ง ช.การช่าง เล่าว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการได้ตัดถนนระยะทางกว่า 13 กิโลเมตร จากถนนหลักเพื่อเข้าโรงไฟฟ้าซึ่งทำให้ตลอด 2 ข้างมีการพัฒนามากขึ้น แต่ก่อนจะเป็นป่าและพื้นที่การเกษตรเท่านั้น แต่ปัจจุบันตลอด 13 กิโลเมตร มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก อาทิ มีบ้านเรือน ร้านค้า ปั๊มน้ำมันมากขึ้น รวมถึงระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปา สัญญาณโทรศัพท์เข้าถึงทำทำให้ชุมชนเกิดเศรษฐกิจใหม่ๆ

ขณะที่ชาวบ้านกว่า 600 ครัวเรือนในจุดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า ได้ขอให้ย้ายไปรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ โดยมีการปลูกสิ่งก่อสร้างให้ใหม่ ประกอบด้วย บ้าน โรงเรียน โรงพยาบาล วัด ฯลฯ. นอกจากนี้มีการพาอาจารย์จากเมืองไทยและมหาวิทยาลัยในลาว เข้าไปให้ความรู้ เช่น สอนทำเกษตร ปลูกเห็ด ข้าวโพด เลี้ยงไก่ รวมถึงการทำธุรกิจของของชำ ร้านเสริมสวย ขายเสื้อผ้า และบางบ้านเมื่อมีเงินก็ปรับปรุงพื้นที่ทำโฮมสเตย์เพื่อการท่องเที่ยว

ธนวัฒน์ เปิดเผยว่า การพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ทุกอย่างทำภายใต้การประเมินผลจากรัฐบาลลาว ที่ตั้งข้อกำหนดว่าทุกครัวเรือนในพื้นที่ต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.8 พันดอลลาร์สหรัฐต่อปี

และจากการพูดคุยกับชาวบ้านในชุมชนก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจริง เพราะเดิมพวกเขามีรายได้จากการจับปลาเท่านั้นซึ่งไม่มีความแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขามีอาชีพมั่นคงและมีความสุขขึ้น

ผู้บริหารซีเค พาวเวอร์ บอกว่า สาเหตุที่ต้องส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ชาวบ้าน เนื่องจากประชาชนทุกคนที่อาศัยรอบๆโรงไฟฟ้า เปรียบเหมือนเพื่อนบ้านกัน ฉะนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องดูแลซึ่งกันและกันเพราะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน “ถ้าคนรอบๆโรงไฟฟ้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เราก็สบายใจ”

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

น้ำมาเท่าไหร่ปล่อยผ่านเท่านั้น “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

โรงไฟฟ้าไซยะบุรี เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่สร้างกั้นแม่น้ำโขงตอนล่าง มีศักยภาพการผลิตไฟฟ้า 7,600 ล้านหน่วยต่อปี ส่งขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) 1,220 เมกะวัตต์ต่อเดือน โดยส่งมายังโรงไฟฟ้าท่าลี่ จังหวัดเลย และอีกส่วนขายให้รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว 60 เมกะวัตต์ต่อเดือน

ผู้บริหารซีเค พาวเวอร์ กล่าวว่า โครงสร้างโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ออกแบบโดยมีการยกระดับเพื่อให้มีความสูงเหนือน้ำ 275 เมตร เพื่อให้น้ำไหลลงมาจากนั้นจะปล่อยผ่านเครื่องกำเนิดไฟฟ้าทั้ง 7 เครื่อง แต่ถ้ามวลน้ำมีจำนวนมากเกินขีนความสามารถในการรองรับจะปล่อยผ่านออกไปทางสปิลเวย์ “น้ำมาเท่าไหร่ เราปล่อยผ่านไปเท่านั้น โดยปล่อยผ่านออกไปทางสปิลเวย์”

ส่วนที่มีข่าวว่าโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีกักเก็บน้ำ ธนวัฒน์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนเหตุการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น มาจากสถานการณ์ตามช่วงฤดูกาลที่เกิดขึ้นทั่วไปในภูมิภาคประเทศแถบนี้ รวมถึงไทยและพื้นที่เหนือน้ำขึ้นอีก 86 กิโลเมตร ซึ่งก็ประสบภัยแล้งสุดในรอบ 100 ปีเช่นกัน ไม่มีการกักน้ำเหมือนอย่างที่เป็นข่าว

ขณะที่ อานุภาพ วงศ์ละคร รองกรรมการผู้จัดการ งานเดินเครื่องและบำรุงรักษา บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด อธิบายเพิ่มเติมว่า บริเวณโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ปกติมีน้ำไหลผ่านอยู่ที่ 4 พันลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เท่ากับกับมวลน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพปี 2554 แต่ในช่วงฤดูน้ำหลากปริมาณน้ำจะมีมากถึง 1.6-1.7 หมื่นลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ผู้บริหารโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ยืนยันว่า โครงการนี้ไม่สามารถกักน้ำได้ และถ้าหากกักน้ำจริงเพียงระยะเวลาไม่ถึง 1 วัน ก็จะทำให้น้ำท่วมโรงไฟฟ้า “เป็นไปไม่ได้ที่โรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะกักน้ำไว้ น้ำมาเท่าไหร่เราปล่อยเท่านั้น”

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

“น้ำ” พลังงานจากธรรมชาติที่ไม่มีวันหมด

อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี จะเริ่มเดือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าครบ 7 เครื่อง และจำหน่ายไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ 29 ตุลาคมนี้ โดยมาตรฐานทั้งหมดผ่านการรับการรับรองจาก กฟผ.

ธนวัฒน์ เปิดเผยถึงคามรู้สึกที่ได้อยู่กับโครงการมาตลอด 12 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ที่มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งแรกในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง บริษัทนอกจากทุ่มเงินลงทุนตัวโครงการ ยังทุ่มงบจำนวนมากกับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อบรรเทาผลกระทบต่างๆ

ส่วนแผนในอนาคตวางเป้าหมายจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ 5,000 เมกะวัตต์ และลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเพิ่มในประเทศเพื่อนบ้านไทย อาทิ ลาว เมียนมาร์ เป็นหลัก

ธนวัฒน์ ทิ้งท้ายถึงสาเหตุที่องค์กรมุ่งมั่นเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำว่า ส่วนตัวเชื่อหลักการของธรรมชาติ เมื่อฝนตกลงมาเติมน้ำในแม่น้ำโขง ถ้าเราปล่อยให้น้ำไหลลงทะเลก็จะไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเอาศักยภาพตรงนี้มาใช้ประโยชน์ มันจะเป็นวงจรที่ไม่มีสิ้นสุด

“ผมเชื่อว่า น้ำคือพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่สิ้นเปลือง เหมือนแก๊สหรือน้ำมันที่ต้องเอามาเผาทำเชื้อเพลิง พวกนั้นขุดไปเรื่อยๆมันก็หมด แต่ถ้าเปลี่ยนน้ำเป็นไฟ ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด เพราะฟ้าให้น้ำสู่คน สุดท้ายมันก็กลับขึ้นไปเป็นวัฏจักร”

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี” ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

พลังงานคู่ธรรมชาติที่ไม่มีหมด “โรงไฟฟ้าไซยะบุรี”

ธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์

 

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!