posttoday

"เด็กจะดีได้ ผู้ใหญ่ต้องดีด้วย" แก้ปัญหาเด็กแกล้งกันในโรงเรียนต้องทำให้ตรงจุด

23 มิถุนายน 2562

ไขปัญหากลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียน โดยกุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี “หมอโอ๋-พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร”

ไขปัญหากลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียน โดยกุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี  “หมอโอ๋-พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร”  

*******************

โดย...รัชพล ธนศุทธิสกุล

ปัญหาเด็กกลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียน (Bullying in school) นับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นที่ตื่นตัวในสังคม หลังพบความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่การเสียใจและร้องไห้ของเด็กที่ถูกกระทำ แต่เหยื่อการแกล้งรังแกได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจที่พัฒนารุนแรงสู่การ 'ฆ่าตัวตาย' หรือการกลายเป็น 'ผู้แกล้ง' คนอื่นเพื่อต้องการเอาตัวรอด

“หมอโอ๋-พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และเจ้าของเพจ ‘เลี้ยงลูกนอกบ้าน’ อธิบายว่าการแกล้งรังแกในโรงเรียนที่เกิดขึ้นในสังคมไทย มีโครงสร้างหลักใหญ่จากความไม่เข้าใจนำมาสู่การแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด

“เด็กดูตัวอย่างจากผู้ใหญ่ หลายครั้งผู้ใหญ่เองเป็นฝ่ายกระทำเรียกเด็กในปมต่างๆ หรือแม้กระทั่งการกลั่นแกล้งกันของผู้ใหญ่กันเอง ดังนั้นถ้าผู้ใหญ่เป็นต้นแบบในการเคารพสิทธิการทำร้ายรังแกกันของเด็กก็จะหมดไปได้”

"เด็กจะดีได้ ผู้ใหญ่ต้องดีด้วย" แก้ปัญหาเด็กแกล้งกันในโรงเรียนต้องทำให้ตรงจุด

เล่นกับแกล้ง ‘ผล’ แตกต่างกัน

กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น บอกว่า หลักของการเล่นต้องบาลานซ์พาวเวอร์ อำนาจระหว่างกันเท่ากัน คือการทำอะไรก็แล้วแต่และอีกคนหัวเหราะหรือสนุกสนาน เขาไม่รู้สึกว่าดูต่ำกว่าหรือด้อยอำนาจกว่าอีกคนหนึ่ง ดังนั้นแม้จะใช้นิยามคำว่า แกล้งเล่น แหย่เล่น ล้อเล่น แต่ผลลัพธ์เกิดตรงกันข้ามจึงเป็นการกระทำ ‘บูลลี่’

ซึ่งในปัจจุบันการกลั่นแกล้งรังแกแบ่งออกได้ 4 ชนิดรูปแบบได้แก่ 

1.ทางกาย อาทิ  แกล้งตบหัว ดึงเก้าอี้

2.ทางวาจา เช่น ทำท่าซุบซิบเวลาเดินผ่าน ชวนทุกคนทานข้าวแต่ไม่ชวนอีกคน

3.ทางจิตใจ เป็นต้นว่า ชวนทุกคนทานข้าวแต่ไม่ชวนอีกคน

4.โลกไซเบอร์ ตัวอย่างของ การโพสต์ให้ร้าย หรือรวมกลุ่มไม่ตอบคอมเม้นท์คนที่ถูกบูลลี่

โดยผลของการกระทำส่งผลต่อสภาพจิตใจซึ่งพบว่าปลายทางสุดท้ายเกือบ 10 % พัฒนาตัวเองไปสู่ความก้าวร้าวรุนแรงต่อตัวเองและผู้อื่น

“เด็กที่โดนล้อแกล้งรังแกจะรู้สึกว่าตัวเราไม่มีพาวเวอร์ เด็กหลายคนก็จะมีพัฒนาการนับถือตัวเองที่ต่ำ หลายคนพัฒนาความวิตกกังวล กลัว และซึมเศร้า พฤติกรรมภายนอกก็อาจจะทำให้เด็กรู้สึกไม่อยากไปโรงเรียน การเรียนตกลงเพราะขาดสมาธิเนื่องจากจิตใจวิตกกังวลและเครียด ก็ตกเป็นเหยื่อซ้ำๆ จนหลายๆ คนพัฒนาไปสู่การฆ่าตัวตาย และที่สำคัญหลายๆ คนนำตัวเองไปสู่การเป็นผู้แกล้ง”

แก้บูลลี่ต้องรักษาทั้ง2ฝั่ง

พญ.จิราภรณ์ บอกถึงหลักเริ่มต้นที่การบูลลี่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปส่วนหนึ่งเกิดจากความเข้าใจผิดมองแต่เด็กที่ถูกรังแกที่ต้องเยียวยา ขณะเดียวกันเด็กที่กระทำต่อคนอื่นนั้นก็เป็นเด็กที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต

“ไม่ใช่เด็กหลายที่รังแกคนอื่นเป็นเด็กแข็งแกร่ง เราอย่าคิดแค่ว่าสงสารเด็กที่ถูกรังแกอย่างเดียว แต่ต้องหาทางช่วยเด็กที่ถูกรังแกด้วย เหตุผลก็อย่างที่บอกไปการรังแกพัฒนาได้ทั้งจากทำร้ายตัวเองและมาทำร้ายผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองรอด”

โดยปัญหาที่เกิดขึ้นมีจากทั้งส่วนตัวของเด็กเองอย่างการเป็นโรคสมาธิสั้นทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ระงับอารมณ์ตัวเองไม่เป็น หรือการป่วยเป็นออทิสติกทำให้ไม่รู้บริบททางสังคมว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และมาจากครอบครัวกดขี่ อยู่บ้านไม่มีสิทธิมีเสียง ถูกใช้ความรุนแรง ฯลฯ จึงนำสิ่งที่ขาดมาแสดงออกที่โรงเรียน

"เด็กจะดีได้ ผู้ใหญ่ต้องดีด้วย" แก้ปัญหาเด็กแกล้งกันในโรงเรียนต้องทำให้ตรงจุด

“เด็กหลายคนอยู่ที่บ้านเป็นเด็กหงอ เชื่อฟังคำสั่ง แต่พอไม่มีพื้นที่ว่างให้แสดงทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน ก็มาใช้พื้นที่โรงเรียนเป็นการสร้างตัวตน แสดงอำนาจข่มขู่คนอื่น ฉะนั้นเด็กที่ล้อแกล้งรังแกคนอื่นต้องหาทางช่วยเหลือพร้อมๆ กับเด็กที่ถูกแกล้งรังแก ซึ่งการแก้ก็ไม่ใช้แค่การลงโทษ การแก้ปัญหาคือการเข้าไปหาสาเหตุ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนหนึ่ง เขาได้อะไรจากการแกล้ง แล้วสิ่งนั้นมันชดเชยด้วยรูปแบบอื่นได้หรือไม่  หรือเขามีปัญหาอะไรที่ทำให้เขาต้องแสวงหาจากการได้แกล้งคนอื่นโดยไม่นึกถึงใจคนอื่น”

กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น เน้นย้ำวิธีการช่วยเหลือปัญหากลั่นแกล้งแก้ไขได้ดีกว่าการทำโทษกำหนดบทให้หลาบจำ เนื่องจากในหลายครั้งเราจะเห็นได้ว่าสามารถพบได้กรณีเด็กบางคนถูกลงโทษแล้วเกิดความแค้นกลับมาจัดการกับเด็กอีกคนหนึ่งต่อ 

"เด็กจะดีได้ ผู้ใหญ่ต้องดีด้วย" แก้ปัญหาเด็กแกล้งกันในโรงเรียนต้องทำให้ตรงจุด

เช็คความรู้สึก ตรวจการแก้ปัญหา

ต่อจากความเข้าใจและการเสริมสร้างบุคลิกและลักษณะนิสัยที่เราสามารถควบคุมได้ พญ.จิราภรณ์ บอกแนะนำผู้ปกครองควรสอนทั้งวิธีการป้องกันและสร้างภูมิให้เด็กๆ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ยากจะคาดเดา โดยมีหลักปฏิบัติในแต่ละวันด้วยการถามคำถามเพื่อค้นหาสภาวะของบุตรหลานเป็นผู้ถูกกระทำหรือกระทำการบูลลี่

1.มีอะไรที่สนุกที่สุด มีอะไรที่แย่ที่สุดที่เกิดขึ้น  

2.มีอะไรที่ทำให้หนูรู้สึกภูมิใจที่สุด มีอะไรที่รู้สึกเสียใจที่สุด

3.มีอะไรที่อึดอัดที่สุด มีอะไรที่เก็บมาคิดจนถึงตอนนี้

“เมื่อเขาตอบเรา หน้าที่ต่อไปคือการเป็นผู้รับฟังที่ดี ไม่ตัดสินโดยให้คำตอบแบบนั้นไม่ดี แบบโน้นไม่ถูก ยกตัวอย่างลูกถูกแกล้งแล้วไปโกรธแบบนี้เขาก็เลยสนุก ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเราไปข่มเหนือเขา เราอาจจะแชร์ประสบการณ์ร่วมกับเขาก็ได้ เช่นเราก็เคยโดนแกล้งเหมือนกันตอนเด็กๆ และเราก็ไม่ชอบ นี้เป็นสิทธิที่ลูกจะต้องปกป้องตัวเอง คือให้ฟังแล้วสะท้อนความรู้สึก”

การเกิดความเข้าใจและรับรู้ความต้องการของตัวเองจะนำไปสู่วิธีการแก้ปัญหาที่สามารถใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ด้วยตัวเองรู้สึกดีที่สุด

“วิธีการรูปแบบนี้จะช่วยคิดและฝึกให้เขาแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน การที่เราฝึกให้เขาลองนำสิ่งที่เขาคิดไปทดลอง เพื่อนแกล้งเพราะอะไร เพราะเขาไม่ชอบ ไม่ชอบเราก็ไม่ไปยุ่งกับเขา ลองไม่โมโหใส่คนแกล้งแต่ให้ลองชวนเขาเล่นด้วย แล้วกลับมาทบทวนว่าดีหรือไม่ดีขึ้น เขาก็จะรู้ว่าอะไรที่เป็นเส้นที่เขาควรจะทำ อะไรที่เขาห้ามข้ามเด็ดขาด อย่างที่พ่อแม่มีคำถามมาว่าสอนลูกให้สู้หรือสอนให้ถอย คำตอบคือสอนให้อยู่ตรงกลาง อะไรที่เขาสู้เพื่อหลุดปัญหาได้ก็สู้ อะไรที่ถอยแล้วหมดปัญหาก็ถอย

“เพราะสิ่งสำคัญมากกว่าการหยุดโดนกระทำ คือการที่เขามีทักษะที่หลากหลายในการแก้ปัญหา ทักษะที่จะจัดการเอาตัวเองรอดจากการถูกกระทำ การรู้และหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ตรงไหนเป็นพื้นที่อันตรายที่ไม่ปลอดภัย หรือในการปกป้องตัวเองด้วยตัวเองในบางครั้งหรือการขอคนช่วยอย่างเพื่อนและผู้ใหญ่ สุดท้ายคือการเข้าไปให้ถึงการเข้าใจคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ทำให้เราไม่ถูกใจ เป็นคนที่ชอบแกล้งเรา การที่เราเข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาอยากแกล้งเรา เราก็จะสามารถหยุดเขาได้ และสิ่งที่เราได้ที่มากกว่าการหยุดแกล้งคือจะทำให้เราเห็นใจคนอื่นมากขึ้น และการที่เด็กคนหนึ่งจะเข้าใจเพื่อนมนุษย์ที่มีความแตกต่างกับเขาได้ก็เป็นเรื่องดีกับตัวเอง เราสามารถปกป้องและอยู่ร่วมโดยไม่มีผลกระทบด้านลบแม้ในสิ่งแวดล้อมที่เราควบคุมไม่ได้”
 

ข่าวล่าสุด

อาลัยวีรชน “เนิน 350” อนุทินลั่นไม่ทิ้งญาติ ย้ำรัฐเยียวยาเต็มที่