posttoday

"ป๋าเปรม"กับวาระแห่งชาติที่เปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจไทยไปตลอดกาล

27 พฤษภาคม 2562

"ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม"เผยเรื่องราวอีกหนึ่งบทบาทของ "พลเอกเปรม" ในการกำหนดวาระแห่งชาติด้านการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

"ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม"เผยเรื่องราวอีกหนึ่งบทบาทของ "พลเอกเปรม" ในการกำหนดวาระแห่งชาติด้านการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "ป๋าเปรมกับวาระแห่งชาติที่เปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจไทยไปตลอดกาล" ผ่านเฟซบุ๊ก Piti Srisangnam โดยมีเนื้อหาดังนี้

#ป๋าเปรม กับวาระแห่งชาติที่เปลี่ยนโฉมหน้าเศรษฐกิจไทยไปตลอดกาล

การถึงแก่อสัญกรรมของ #พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้พวกเราได้มีโอกาสทบทวนถึงผลงานและคุณงามความดีจำนวนมากที่ท่านทุ่มเททำงานเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่องตลอด 99 ปี ผลงานหลายเรื่องในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2523-2531 ถูกนำมาพูดถึง วิพากษ์วิจารณ์ ยกย่อง สดุดี

หลายเรื่องเป็นผลงานตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2523 โดยเฉพาะเรื่องการ #สร้างสันติภาพลดความขัดแย้งภายในประเทศ ผ่านคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ที่ในความเป็นจริงคือสิ่งที่ท่านดำริมาแล้วตั้งแต่ในห้วงเวลาที่ท่านดำรงตำแหน่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ในปี 2516

#การสำรวจแหล่งพลังงานในอ่าวไทย และการทำให้ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพพัฒนาอุตสาหกรรมด้วย #โครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (#EasternSeaboard Development Program: ESB) ในปี 2525 ซึ่งรากฐานสำคัญของโครงการนี้ในปัจจุบันก็ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นเป็นโครงการ #เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (#โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก, #EasternEconomicCorridor: #EEC)

การตัดสินใจ #ปรับลดค่าเงินบาท ทั้ง 3 ครั้งในปี 2524 และ 2527 รวมทั้ง #การเปลี่ยนระบบปริวรรตเงินตรา ให้ค่าเงินบาทมีการเทียบเคียงอ้างอิงค่ากับเงินตราต่างประเทศหลายสกุลในรูปแบบที่นิยมเรียกกันว่า #ระบบตะกร้าเงิน (Currency Basket) ซึ่งมีความทันสมัยอย่างยิ่งในขณะนั้นและทำให้ค่าเงินบาทมีมูลค่าอยู่ในระดับที่ทำให้ประเทศมีความสามารถในการส่งออกได้

แต่อีกหนึ่งเรื่องที่ผมยังไม่ค่อยได้เห็นใครออกมาพูดถึงกันนัก และจะขอบันทึกเอาไว้คือ บทบาทของพลเอกเปรมในการกำหนด #วาระแห่งชาติด้านการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

ทศวรรษ 1980 ที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือห้วงเวลาที่ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก ไปสู่เศรษฐกิจที่มีรายได้หลักมาจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมควบคู่กันไป แต่ภาคบริการ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ในเวลานั้นยังไม่ได้มีใครพูดถึงหรือสนใจพัฒนาอย่างจริงจังมากนัก การท่องเที่ยวยังไม่ได้รับการส่งเสริม หรือดึงขึ้นมาเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ

จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2529 ที่นายกรัฐมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานเรียกทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งพึ่งจะได้รับการยกระดับขึ้นมาจาก องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (อสท.) ในปี 2522 มหาดไทย กลาโหม คมนาคม ศึกษาธิการ การต่างประเทศ ฯลฯ ร่วมกับตัวแทนจากภาคเอกชน ทั้งหอการค้า ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร สื่อสารมวลชน ภาคการเงินการธนาคาร โลจิสติกส์ เข้ามาประชุมร่วมกันในลักษณะวอร์รูม กำหนดให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติเพื่อเตรียมการล่วงหน้าเป็นเวลา 1 ปีสำหรับวาระมหามงคลของปวงชนชาวไทยในปี 2530 นั่นคือ #วาระพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวันที่ 5 ธันวาคม 2530

ในการประชุมวันนั้นที่ทำเนียบรัฐบาล การระดมสมองรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเกิดขึ้น ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในวงการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรม MICE เคยเล่าให้ผมฟังว่า วันนั้นป๋าเปรมประกาศให้ระดับสูงของทุกหน่วยงานมาประชุมกัน ห้ามขาด แล้วล๊อคประตูไม่ให้ใครออกจากห้อง ไม่ให้ใครกลับบ้านทั้งนั้น จนกว่าไทยจะสามารถบรรลุการสร้างแผนงานเพื่อส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวให้ได้ และผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมในวันนั้นคือ คณะอนุกรรมการ 3 คณะ (คณะอนุกรรมการพัฒนากิจกรรมปีการท่องเที่ยวไทย, คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ และคณะอนุกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศปีการท่องเที่ยวไทย) ที่มาจากทุกภาคส่วนเพื่อเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ “#ปีการท่องเที่ยวไทย2530 #VisitThailandYear1987”

นี่คือเหตุการณ์ที่น่าจะถือเป็นครั้งแรกๆ ของประเทศที่เราได้เห็นรัฐบาล ที่มีพลเอกเปรมเป็นผู้นำ ทำงานควบคู่กับภาคราชการ และภาคเอกชนอย่างครบวงจร ครบทั้งห่วงโซ่อุปทาน และกำหนดแผนงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไปได้ตลอดกาล ความร่วมมือในวันนั้นทำให้ในปี 2530 งบประมาณส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลปรับสูงขึ้นจาก 219.07 ล้านบาทในปี 2529 เป็น 438.95 ล้านบาทในปี 2530

เราได้เห็นการเตรียมงานอย่างเป็นระบบในการนำประเพณีไทย (ปีใหม่ สงกรานต์ ตรุษจีน แห่เทียนพรรษา ลอยกระทง แข่งเรือยาว ฯลฯ) และพระราชพิธีไทย (พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก, พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินพยุหยาตราทางชลมารค และ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ) ออกมาประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก

เป็นครั้งแรกที่สถานทูตไทยและเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศมีภารกิจในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เห็นกระทรวงคมนาคมพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยว ได้เห็นกระทรวงศึกษาธิการและสื่อสารมวลชนสร้างสื่อต่างๆ เพื่อบอกเล่าวิธีการต้อนรับชาวต่างชาติเพื่อให้ชาวไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี ได้เห็นสายการบิน การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัทขนส่ง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และร้านอาหารจัดโปรโมชั้นพิเศษร่วมกันตลอดทั้งปี และได้เห็น #วงคาราบาว ออกมาแต่งและร้องเพลง #เวลคัมทูไทยแลนด์

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายๆ กิจกรรมที่เกิดขึ้นตลอดปี 2530 และทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 3.48 ล้านคนในปี 2530 จากก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนในราย 2.5 ล้านคนต่อปี นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมใจผลักดันวาระแห่งชาติให้กลายเป็นรูปธรรมได้

จากปี 2530 จนถึงปัจจุบัน การท่องเที่ยว ได้กลายเป็นหนึ่งในภาคการผลิตที่มีความสำคัญมากที่สุดภาคการผลิตหนึ่งของประเทศไทย รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีมูลค่าราว 1 ใน 5 ของ GDP ของประเทศ โดยในปี 2018 ที่ผ่านมารายได้จากภาคการท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านบาท (ขยายตัวจากปี 2017 ร้อยละ 9.63) และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากกว่า 38.27 ล้านคน ที่สำคัญรายได้เหล่านี้ส่วนใหญ่ตกถึงมือคนไทยที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศ เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการกระจุกตัวของกลุ่มทุนผูกขาดต่ำที่สุด เงินตราต่างประเทศจากทั่วโลกถูกแลกเป็นเงินบาทและใช้จ่ายโดยตรงเข้าสู่ตาสี ตาสา ยายมี และนางมา ทั่วประเทศไทย เมื่อนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางออกไปแล้วรับประทานอาหาร นั่งรถสามล้อ ซื้อสินค้าพื้นเมือง และทำกิจกรรมต่างๆ มากมายทั่วประเทศ

#คิดถึงป๋าเปรม

บทความโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม

ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ข่าวล่าสุด

ประกาศ! ปิดกั้นอ่าวไทย 'สกัดน้ำมัน-ยุทธปัจจัย' เข้ากัมพูชา