ชาวบ้านถูกจับคดีลอบตัดสมุนไพรเปลี่ยนอาชีพใหม่ตากก้านใบบอนแทน
สุรินทร์-ชาวบ้านถูกจับคดีลอบตัดสมุนไพรเปลี่ยนอาชีพใหม่ตากก้านใบบอนแทนวอนหน่วยงานเกี่ยวข้องส่งเสริมอาชีพมีรายได้ไม่ต้องเบียดเบียนป่า
สุรินทร์-ชาวบ้านถูกจับคดีลอบตัดสมุนไพรเปลี่ยนอาชีพใหม่ตากก้านใบบอนแทนวอนหน่วยงานเกี่ยวข้องส่งเสริมอาชีพมีรายได้ไม่ต้องเบียดเบียนป่า
ที่จ.สุรินทร์ กรณี ชาวบ้าน จำนวน 17 คน ของหมู่บ้านกะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ จับกุมขณะพากันตัดและลำเลียงไม้พฤกษชาติ จำพวกต้นม้ากระทืบโรง และต้นกำแพง 7 ชั้น ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้หวงห้ามรวมน้ำหนักกว่า 1.5 ตัน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.62 ก่อนถูกนำตัวส่งดำเนินคดีที่สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะ โดยใช้หลักทรัพย์หรือเงินสดประกันตัว ถึง 7 หมื่นบาทต่อคน แต่ชาวบ้านทั้งหมดไม่มีหลักทรัพย์หรือเงินประกันตัวเพียงพอเนื่องจากต่างมีฐานะยากจนจึงต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมขังไว้ที่ สภ.ดม รวม 2 คืน เพื่อรอและให้โอกาสครอบครัวและญาติพี่น้องหาหลักทรัพย์มาประกันตัว ก่อนจะถูกนำตัวส่งไปยังศาลจ.สุรินทร์ และทั้งหมดก็สามารถหาหลักทรัพย์มาประกันตัวได้ทั้งหมด และขณะนี้คดีความอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล โดยชาวบ้านอ้างว่า การตัดสมุนไพรดังกล่าว ต่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์และพึ่งพากันทำเป็นครั้งแรก หลังจากมีนายทุนจะมารับซื้อสมุนไพรราคากิโลกรัมละ 6 บาท
ล่าสุด ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมหลายคน และได้รับการประกันตัว ต่างหาอาชีพใหม่ เพื่อหาเงินนำมาจุนเจือครอบครัว ด้วยการตัดก้านใบบอนมาปอกเปลือกและตากขายให้กับนายทุนที่มารับซื้อไปแปรรูปบดผงทำยาสมุนไพร สานเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆและทำกระดาษ ในราคากิโลกรัมละ 27 บาท ซึ่งถึงแม้จะต้องใช้เวลาในการออกหาตัดก้านใบบอน มาปอกเปลือกและตากจนกว่าจะแห้งสนิท ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน แถมกว่าจะได้แต่ละกิโลกรัมก็ต้องใช้ก้านบอนจำนวนมาก และต้องสู้กับความคันของบอนอีกด้วย แต่ชาวบ้านไม่มีทางเลือก ไม่มีอาชีพอื่น จึงจำเป็นต้องสู้ทำเพื่อความอยู่รอด และเพื่อมีรายได้ไว้จุนเจือครอบครัว บางส่วนต้องใช้หนี้ที่หยิบยืมมาประกันตัว
นายวี สระตาดี อายุ 64 ปี 1 ใน 17 ผู้ที่ถูกจับในคดีลักลอบตัดสมุนไพร อยู่บ้านเลขที่ 38 ม.2 บ.เลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พร้อมกับภรรยาคือนางเชือย สระตาดี อายุ 65 ปี ต่างก็พากันตัดบอนมาลอกเปลือกและตากขายเช่นกัน
นายวี กล่าวว่า หลังถูกจับและได้รับการประกันตัวได้ออกไปตัดบอนมาตากขายได้ครั้งละประมาณ 100 กิโลกรัม ขายกิโลกรัมละ 27 บาท ได้เงินครึ่งเดือนประมาณ 2,700 บาท แต่ก็กว่าจะได้จำนวนมากๆก็ต้องใช้เวลาแต่ก็ต้องทำเพราะไม่มีอาชีพอื่น ส่วนที่ตัดบอนมาขายเพราะมีนายทุนมารับซื้อแต่ไม่รู้ว่าจะผิดกฏหมายเหมือนสมุนไพรหรือไม่ ชาวบ้านแถวนี้ไม่มีอาชีพอื่นใด บางคนที่นาที่ทำกินที่ดินก็ไม่มีจำเป็นต้องอาศัยป่าหากิน ส่วนสมุนไพรที่ตัดต่างก็อยากได้เงินมาประทังชีวิตจุนเจือครอบครัว เข้าไปตัดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาส่งเสริมอาชีพเพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้มากกว่านี้ด้วย เพราะต้องดูแลลูกหลานที่ยังอยู่ในวัยเรียน


