ผู้ต้องหาร่วม“ผู้การสุทิพย์"โกงสหกรณ์ ให้ปากคำอีก 2 รายพร้อมคืน 6 แสน
ผู้ต้องหาร่วมคดี “ผู้การสุทิพย์” โกงเงินตำรวจเลย ดอดพบพนักงานสอบสวน พร้อมคืนเงินสด 600,000 บาท “กฤษกร” กำชับทีมสืบสวนสอบสวนทำสำนวนอย่างละเอียด คาดสั่งฟ้องเอาผิดยกแก๊ง ต.ค.นี้พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวอื้อ
ผู้ต้องหาร่วมคดี “ผู้การสุทิพย์” โกงเงินตำรวจเลย ดอดพบพนักงานสอบสวน พร้อมคืนเงินสด 600,000 บาท “กฤษกร” กำชับทีมสืบสวนสอบสวนทำสำนวนอย่างละเอียด คาดสั่งฟ้องเอาผิดยกแก๊ง ต.ค.นี้พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวอื้อ
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 15 ก.ย.2561 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (รอง ผบช.สกบ.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 ประชุมร่วมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีร่วมระหว่างคณะทำงานของ บช.ภ.4 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเอาผิดกับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวซึ่งมีทั้งหมด 17 คน โดยเฉพาะ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีดังกล่าว โดยในการประชุมดังกล่าวนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสังเกตการณ์หรือรับฟังการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด และได้กำหนดพื้นที่ให้สื่อมวลชนอยู่บริเวณด้านนอกห้องประชุมเท่านั้น
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าผู้ต้องหา รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน โดยในวันนี้มี 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน โดยได้เดินทางเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ที่ห้องสืบสวนสอบสวนทันที และในขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปากคำของทางเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ. กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวและมอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และได้มีการนำเงินสด 600,000 บาท มอบให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้งหมดได้ระบุไว้ในสำนวนการสอบสวนที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ประกันตัวไป ทั้งนี้ในคดีความดังกล่าวสรุปแล้วมีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน เข้ามอบตัวและเข้าพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว 11 คน ที่เหลือได้ติดต่อขอมอบตัวกับจ้าหน้าที่แล้วในอีก 2-3 วันนี้
“ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีสิทธิ์ที่จะขอประกันตัว โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือน ขณะที่คดีนี้มีผู้เสียหายรวม 240 คน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท เฉพาะข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเสียหายรวม 196 คน วงเงิน 240 ล้านบาท ดังนั้นในวันนี้ผมได้กำชับและเน้นย้ำแนวทางการปฎิบัติให้กับทีมสืบสวนและสอบสวนนั้นต้องทำงานอย่างละเอียดใน 3 ขั้นตอนหลักคือการดำเนินคดีทางอาญาในข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การทำการยึดทรัพย์และการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทั้งตำรวจและประชาชน ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาในคดีนั้นบางรายอาจจะเป็นทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา การทำงานของพนักงานสอบสวนนั้นต้องละเอียดรอบคอบและให้รวมคดีความทั้งหมดให้เป็นคดีเดียวกัน ซึ่ง พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.นั้นได้เน้นยำชัดเจนว่าคดีดังกล่าวนี้นั้นถ้าการสอบสวนแล้วพบว่าผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกัน มีพฤติกรรมเหมือนกัน แม้จะมีเครือข่ายหรือการสืบสวนพบการเชื่อมโยงถึงกันให้รวมเป็นคดีเดียวกัน” พล.ต.ต.กฤษกร กล่าว
พล.ต.ต.กฤษกร กล่าวต่ออีกว่า พนักงานสอบสวนได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และประสานงานร่วมธนาคารพาณิชย์ในการยึดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาและผู้ที่ที่เกี่ยวข้องไว้ได้ในบางส่วนแล้วในขณะที่การยึดทรัพย์ของเครือข่าย พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้นขณะนี้คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 130 ล้านบาทซึ่งมีทั้งเงินสด,บ้านจัดสรร,ปั้มน้ำมัน,อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรถยนต์ อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวนี้นั้นจะสามารถที่จะสรุปสำนวนคดีและสั่งฟ้องเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ภายในช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้


