posttoday

ผู้ต้องหาร่วม“ผู้การสุทิพย์"โกงสหกรณ์ ให้ปากคำอีก 2 รายพร้อมคืน 6 แสน

15 กันยายน 2561

ผู้ต้องหาร่วมคดี “ผู้การสุทิพย์” โกงเงินตำรวจเลย ดอดพบพนักงานสอบสวน พร้อมคืนเงินสด 600,000 บาท “กฤษกร” กำชับทีมสืบสวนสอบสวนทำสำนวนอย่างละเอียด คาดสั่งฟ้องเอาผิดยกแก๊ง ต.ค.นี้พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวอื้อ

ผู้ต้องหาร่วมคดี “ผู้การสุทิพย์” โกงเงินตำรวจเลย ดอดพบพนักงานสอบสวน พร้อมคืนเงินสด 600,000 บาท “กฤษกร” กำชับทีมสืบสวนสอบสวนทำสำนวนอย่างละเอียด คาดสั่งฟ้องเอาผิดยกแก๊ง ต.ค.นี้พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวอื้อ

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 15 ก.ย.2561 ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (รอง ผบช.สกบ.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ ภ.จว.เลย พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญลือ  กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 ประชุมร่วมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีการทุจริตโครงการรวมหนี้และโครงการบริหารหนี้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีร่วมระหว่างคณะทำงานของ บช.ภ.4 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเอาผิดกับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวซึ่งมีทั้งหมด 17 คน โดยเฉพาะ พล.ต.ต.สุทิพย์  ผลิตกุศลธัช รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล (รอง ผบช.สกพ.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีต ผบก.ภ.จว.เลย ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในคดีดังกล่าว โดยในการประชุมดังกล่าวนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าสังเกตการณ์หรือรับฟังการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด และได้กำหนดพื้นที่ให้สื่อมวลชนอยู่บริเวณด้านนอกห้องประชุมเท่านั้น

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าผู้ต้องหา รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน โดยในวันนี้มี 2 คนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน โดยได้เดินทางเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ที่ห้องสืบสวนสอบสวนทันที และในขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปากคำของทางเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.กฤษกร  พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สกบ. กล่าวว่า ในวันนี้ผู้ต้องหาเข้ารายงานตัวและมอบตัวกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และได้มีการนำเงินสด 600,000 บาท มอบให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งทั้งหมดได้ระบุไว้ในสำนวนการสอบสวนที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยพนักงานสอบสวนได้อนุญาตให้ประกันตัวไป ทั้งนี้ในคดีความดังกล่าวสรุปแล้วมีผู้ต้องหาทั้งหมด 17 คน เข้ามอบตัวและเข้าพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว 11 คน ที่เหลือได้ติดต่อขอมอบตัวกับจ้าหน้าที่แล้วในอีก 2-3 วันนี้

“ ผู้ต้องหาทั้งหมดมีสิทธิ์ที่จะขอประกันตัว โดยมีทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและพลเรือน ขณะที่คดีนี้มีผู้เสียหายรวม 240 คน มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 500 ล้านบาท เฉพาะข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเสียหายรวม 196 คน วงเงิน 240 ล้านบาท ดังนั้นในวันนี้ผมได้กำชับและเน้นย้ำแนวทางการปฎิบัติให้กับทีมสืบสวนและสอบสวนนั้นต้องทำงานอย่างละเอียดใน 3 ขั้นตอนหลักคือการดำเนินคดีทางอาญาในข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน การทำการยึดทรัพย์และการเยียวยาให้กับผู้เสียหายทั้งตำรวจและประชาชน ซึ่งในส่วนของผู้ต้องหาในคดีนั้นบางรายอาจจะเป็นทั้งผู้เสียหายและผู้ต้องหา การทำงานของพนักงานสอบสวนนั้นต้องละเอียดรอบคอบและให้รวมคดีความทั้งหมดให้เป็นคดีเดียวกัน ซึ่ง พล.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร.นั้นได้เน้นยำชัดเจนว่าคดีดังกล่าวนี้นั้นถ้าการสอบสวนแล้วพบว่าผู้ต้องหาเป็นกลุ่มเดียวกัน มีพฤติกรรมเหมือนกัน แม้จะมีเครือข่ายหรือการสืบสวนพบการเชื่อมโยงถึงกันให้รวมเป็นคดีเดียวกัน” พล.ต.ต.กฤษกร กล่าว

พล.ต.ต.กฤษกร กล่าวต่ออีกว่า พนักงานสอบสวนได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และประสานงานร่วมธนาคารพาณิชย์ในการยึดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาและผู้ที่ที่เกี่ยวข้องไว้ได้ในบางส่วนแล้วในขณะที่การยึดทรัพย์ของเครือข่าย  พล.ต.ต.สุทิพย์ นั้นขณะนี้คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 130 ล้านบาทซึ่งมีทั้งเงินสด,บ้านจัดสรร,ปั้มน้ำมัน,อสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งรถยนต์ อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวนี้นั้นจะสามารถที่จะสรุปสำนวนคดีและสั่งฟ้องเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ภายในช่วงต้นเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!