ครม.สัญจร ดันสามเหลี่ยมมรกตอินโดจีน

คณะรัฐมนตรีจัดการประชุมครม.สัญจรนอกสถานที่ ระหว่าง 23-24ก.ค.61 โดยมีกำหนดประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนกลุ่มจังหวัดอีสานตอนล่าง2 ผลักดันสามเหลี่ยมมรกตอินโดจีน

การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค. 2561 ในช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค.นี้ ครม.มีกำหนดจะประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ซึ่งประกอบด้วย จ.อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และยโสธร

วิทยา วิรารัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ และประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 กล่าวว่า เอกชนทั้ง 4 จังหวัดได้เตรียมโครงการที่จะขอให้รัฐบาลเร่งรัดและผลักดันทั้งหมด 5 กลุ่ม มูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยเสนอให้รัฐบาลพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วนของกลุ่มจังหวัด

“ตอนนี้เศรษฐกิจภาคอีสานตอนล่างในกลุ่มจังหวัดเรามีการเติบโตเศรษฐกิจดี เพราะมีพื้นที่ติดชายแดนทั้งฝั่งของ สปป.ลาว และกัมพูชา โดยคาดว่าปีนี้น่าจะโตได้ 4% เราต้องการจะผลักดันให้พื้นที่ของกลุ่มเป็นสามเหลี่ยมมรกตขยายเป็นฮับในด้านการค้าของอินโดจีน” วิทยา กล่าว

วิทยา กล่าวว่า โครงการที่จะเสนอต่อ ครม. กลุ่มที่ 1 การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ทั้งทางถนน ทางอากาศ และทางราง ประกอบไปด้วยหลายโครงการ โดยทางอากาศนั้นจะเสนอให้ ครม.พิจารณาพัฒนาสนามบินเลิงนกทา จ.ยโสธร ให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ เพื่อแบ่งเบาความแออัดของสนามบินอุบลราชธานี ซึ่งสนามบินแห่งนี้มีรันเวย์แล้ว ซึ่งหากได้รับอนุมัติคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 300-500 ล้านบาท สำหรับสร้างผู้โดยสารเท่านั้น ส่วนของสนามบินอุบลราชธานีเองจะเสนอให้เร่งโครงการขยายสนามบินให้เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมจะเริ่มปี 2565 โครงสร้างพื้นฐานด้านถนนมีหลายโครงการ ส่วนใหญ่ขอขยายเส้นทางเป็นถนน 4 ช่องทาง

กลุ่มที่ 2 การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและแก้ปัญหาน้ำท่วม รวม 40 โครงการ ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการขนาดเล็กกระจายอยู่ในท้องที่ต่างๆ ใน 4 จังหวัด โดยมีโครงการแก้มลิงอยู่ 25 โครงการ ส่วนที่เหลือเป็นโครงการขุดลอกห้วย ทำฝาย ระบบสูบน้ำและอาคารประกอบ

กลุ่มที่ 3 ยกระดับการผลิต เสนอขอเพิ่มงบประมาณในโครงการโรงงานต้นแบบที่เคยได้รับอนุมัติจาก ครม. ใน ครม.สัญจรที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณ 43 ล้านบาท โดยจะขอเพิ่มงบประมาณเป็น 500 ล้านบาท เพื่อให้เป็นต้นแบบโรงงานที่ครบวงจร

กลุ่มที่ 4 การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว หลักๆ จะเป็นการขอขยายถนนเพื่อเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญจาก 2 ช่องทางเป็น 4 ช่องทาง เสนอให้มีการพัฒนาพื้นที่ด่านช่องเม็กให้เป็นศูนย์การค้าชายแดนที่ได้มาตรฐาน การพัฒนาอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยานพื้นที่ 1.6 หมื่นไร่ ในเมืองอำนาจเจริญ เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก

สุดท้ายกลุ่มที่ 5 กลุ่มโครงการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ขอขยาย ศักยภาพโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ที่รองรับผู้ป่วยหนักของ 4 จังหวัด และการพัฒนาเมืองสมุนไพร อ.พนา จ.อำนาจเจริญ ให้เป็นศูนย์สมุนไพรครบวงจร