เปิดใจ "นิพนธ์" น้ำเพชรบาดาล กับภารกิจเจาะถ้ำช่วย 13 ชีวิต
เสียงจากปลายสายเมื่อวันที่ 27 ก.พ. เป็นจุดเริ่มต้นให้นิพนธ์ จันทะนา เจ้าของและหัวหน้าทีมน้ำเพชรบาดาล ได้เข้าร่วมภารกิจอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้
เสียงจากปลายสายเมื่อวันที่ 27 ก.พ. เป็นจุดเริ่มต้นให้นิพนธ์ จันทะนา เจ้าของและหัวหน้าทีมน้ำเพชรบาดาล ได้เข้าร่วมภารกิจอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้
------------------
โดย...โพสต์ทูเดย์ ออนไลน์
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. เสียงโทรศัพท์ของ นิพนธ์ จันทะนา เจ้าของและหัวหน้าทีมน้ำเพชรบาดาลดังขึ้น ปลายสายเป็นน้ำเสียงจริงจังที่ออกจากปาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเอ่ยขอความร่วมมือให้เข้าร่วมภารกิจค้นหา 13 ชีวิตทีมหมู่ป่าอะคาเดมี ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย
“ไม่ลังเลเลยครับ เมื่อเขาชวนมา พวกเรายินดี” นิพนธ์ใช้เวลาในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวันพูดคุยกับโพสต์ทูเดย์
ด้วยประสบการณ์และอุปกรณ์ในการขุดเจาะที่มีประสิทธิภาพสูงกลายเป็นเหตุผลหลักให้น้ำเพชรบาดาล ได้เข้าร่วมภารกิจครั้งสำคัญ
บริษัทน้ำเพชรบาดาล ตั้งอยู่ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นคราชสีมา ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขุดเจาะ สำรวจบ่อน้ำบาดาล ชั้นหินตามเหมืองแร่ หลุมกราว ตลอดจนบ่อทั่วไปของเกษตรกรมาเป็นเวลามากกว่า 50 ปี และเป็นที่รู้จักดีในวงการขุดเจาะน้ำบาดาล
นิพนธ์ บอกว่า บริษัทใช้เครื่องขุดเจาะ PAT Drill 801 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในระดับแถวหน้าและมีเพียง 2 เครื่องเท่านั้นในประเทศไทย สามารถเจาะหลุมได้ลึกและใหญ่กว่าเครื่องจักรรูปแบบอื่น
ภารกิจครั้งนี้เขาเดินหน้ามาพร้อมทีมงานรวมประมาณ 30 คน ตลอดการทำภารกิจ ลืมตาตื่นนอนตั้งแต่ 6.00 น. และเลิกงานในเวลา 1.00 น. โดยเช่าพักผ่อนที่โรงแรมในตัวเมืองแม่สาย
อุปสรรคสำคัญคือการขุดเจาะที่เป็นไปอย่างยากลำบากด้วยสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ชื้นแชะ มีฝนตกสม่ำเสมอ ที่สำคัญผนังหลายจุดยังเป็นโพรงอากาศ กว่าจะผ่านโพรงเหล่านี้ไปสู่โพรงน้ำจริงภายในถ้ำค่อนข้างหลายชั้นและมีกรรมวิธีที่ซับซ้อน
“มันเป็นโพรงอากาศ ก่อนจะเจอโพรงน้ำที่ไหลออกมาจากตัวถ้ำ มันหลายชั้น” เขาบอกและว่า การขุดเจาะแต่ละหลุมต้องใช้ประสบการณ์ คาดการณ์ความน่าจะเป็น ประเมินสภาพรอยแตกของโครงสร้างชั้นหิน ทางน้ำ โดยมีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจในการตัดสินใจ
สุภาพบุรุษวัย 29 ปี บอกว่าตัวเองและทีมงานมีลูกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนดีกับการต้องการที่เฝ้ารอคอยดูชะตากรรมของเด็กๆ ด้วยใจไม่เป็นสุข
“ผมรู้สึกสงสารเด็กพวกนั้น หัวอกคนเป็นพ่ออย่างผม ผมก็มีลูกเหมือนกัน ถ้าผมเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็กๆ ผมก็ต้องทำทุกวิถีทางให้ลูกเรารอด ทุกคนที่มาร่วมกันทำงานมีความหวังเต็มเปี่ยม หมูป่าคงชำนาญป่า เดี๋ยวมันคงเดินออกมา อีกไม่นานหรอกครับ” เขาทิ้งท้ายถึงความเชื่อมั่นในภารกิจครั้งนี้


