posttoday

"พลังประชารัฐ"สยายปีก! ปูทาง"บิ๊กตู่"รีเทิร์น

15 พฤษภาคม 2561

ปฏิบัติการสยายปีกสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อภารกิจปูทางรีเทิร์น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

ปฏิบัติการสยายปีกสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐกำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อภารกิจปูทางรีเทิร์น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

*****************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การขยับของพรรคพลังประชารัฐเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเป้าหมายการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

ท่ามกลางกระแสดูดที่รุนแรงและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก สวนทางกับการปฏิรูปประเทศและทำให้บ้านเมืองเดินถอยหลังกลับไปสู่วังวนปัญหาเหมือนที่เคยประสบในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการสืบทอดอำนาจกลายเป็นแผลให้รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกถล่มว่าไม่ได้สนใจเรื่องการปฏิรูปอย่างแท้จริง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาอาจเป็นเพียงแค่การปูทางสู่การกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง

เริ่มตั้งแต่กลไกรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บทเฉพาะกาลเปิดช่องให้ สว. 250 เสียง อันมาจากการคัดเลือกของ คสช.เข้ามามีส่วนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ สส. 500 คน ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจากพรรคต่างๆ

ปัญหาอยู่ที่แม้จะได้รับเลือกเป็น “นายกรัฐมนตรี” แต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สมัยที่สอง ที่จะให้เกิดเสถียรภาพ จำเป็นต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย อันสุ่มเสี่ยงจะทำให้รัฐนาวาต้องอับปางเมื่อเผชิญกับคลื่นลมรุนแรง
ในอนาคต

การสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐจึงเป็นโจทย์เร่งด่วนที่จะต้องดำเนินเพื่อไปแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีฐานเสียงของตัวเองชัดเจน ซึ่งวิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดก็คือการดูดอดีต สส.จากพรรคอื่นๆ เข้ามาเป็นกำลังหลักของตัวเองดังเริ่มเห็นระแคะระคาย และมากขึ้นเรื่อยๆ

ปรากฏการณ์ที่ชัดเจนเริ่มตั้งแต่การแต่งตั้งแพ็กคู่ สนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง อิทธิพล คุณปลื้ม เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

จนถูกถล่มว่าเป็นการซื้อตัว สส.ด้วยการเสนอตำแหน่งหน้าที่ ไม่ต่างจากการเมืองในอดีต ที่ คสช.เคยต่อว่าต่อขานและตีตราให้เป็นจำเลยสร้างปัญหาการเมืองในอดีตที่ผ่านมา

แรงดูดยังมีอย่างต่อเนื่อง ทั้ง สกลธี ภัททิยกุล อดีต สส.กทม.จากประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกดึงมารับตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่รวมกับ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต สส.กทม.ของประชาธิปัตย์ ที่มีข่าวว่าถูกดึงไปเสริมทัพให้กับพลังประชารัฐ

อีกด้านหนึ่งยังเห็นการเดินสายพบปะแกนนำกลุ่มมุ้งการเมืองต่างๆ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการต่อสายเตรียมดึงมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าสู่เป้าหมายสำคัญ

ทั้งกลุ่มนครปฐม ของตระกูล “สะสมทรัพย์” ซึ่งที่ผ่านมาคนใน คสช.แวะเวียนไปตีกอล์ฟ ที่ถูกจับตาเป็นอย่างมากจนถึงขั้นที่อดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องขน สส.เพื่อไทย เร่งไปกระชับความสัมพันธ์สกัดการดูด

ถัดมา กลุ่มบ้านริมน้ำ ของ สุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะอดีต สส.ฉะเชิงเทรา 8 สมัย ที่มีข่าวระแคะระคายว่ากำลังถูกทาบทามไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ

แม้แต่เจ้าพ่อวังน้ำเย็น เสนาะ เทียนทอง อดีต มท.1 ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ จ.สระแก้ว ที่เคยจุดประเด็นเรื่องรัฐบาลแห่งชาติเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เวลานี้ก็อยู่ในลิสต์ที่พรรคพลังประชารัฐเข้าไปติดต่อทาบทามเช่นกัน

ไม่ต่างจากการจัดประชุม ครม.สัญจร ในพื้นที่การเมืองสำคัญช่วงที่ผ่านมาและมีการอนุมัติโครงการอัดฉีดเม็ดเงินลงพื้นที่ ก็ถูกมองว่าเป็นการซื้อใจล่วงหน้าสร้างสัมพันธ์ในอนาคต

ทั้งกลุ่มสุโขทัย ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศก่อนการประชุม ครม.สัญจร ว่า งานนี้ถ้า จ.สุโขทัย ได้งบประมาณน้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ถือว่าขาดทุน

รวมทั้งล่าสุดการเยือนถิ่นบุรีรัมย์ฐานที่มั่นของ เนวิน ชิดชอบ กับเม็ดเงินที่ภาคเอกชนชงโครงการขึ้นไปร่วม 2 หมื่นล้านบาท ที่กำลังถูกจับตาเป็นพิเศษ

คล้อยหลังไม่กี่วันมีกระแสข่าว ภิรมย์ พลวิเศษ และบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีต สส.นครราชสีมา จากพรรคภูมิใจไทย เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เช่นเดียวกับอีก 24 สส. อาทิ ปัญญา ศรีปัญญา ประสงค์ สีลวัฒน์ จ.ขอนแก่น อมรเทพ สมหมาย กล่ำคาน ปาทาน จ.ศรีสะเกษ สมคิด บาลไธสง จ.หนองคาย วิทยา ภูมิเหล่าแจ้ง จ.กาฬสินธุ์ ปัญญา จีนาคำ จ.แม่ฮ่องสอน บัวสอน ประชามอญ จ.เชียงราย

ทั้งหมดเป็นปฏิบัติการสยายปีกสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคพลังประชารัฐเพื่อภารกิจปูทางรีเทิร์น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย