ห้อยท้องช้าง

โดย...แสงตะเกียง

ภาพของสายสื่อสารและสายอินเทอร์เน็ตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) กลายเป็นสิ่งบาดตาที่สะท้อนถึงความไร้ระเบียบ ขาดความเข้มงวดบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปล่อยปละละเลยจนกระทั่งทำให้ผู้ประกอบการเอกชนบางรายฉวยโอกาสนำสายเหล่านี้มาพาดบนเสาไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ยิ่งไปกว่านั้นการลากสายสื่อสารที่พบเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง ไม่มีการเก็บงานให้เรียบร้อยปล่อยให้หย่อนท้องช้างเสี่ยงเกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ต้องเดินสัญจรไปมา

แม้ว่าการแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ การนำสายไฟลงดิน ยกเลิกเสาไฟบนถนนหลายสายแล้ว แต่ภาพรวมการทำงานเป็นไปอย่างช้าๆ และใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล ซึ่งการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กำหนดแผนดำเนินโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารปี 2561 บนถนนทั้ง 23 เส้นทาง รวมระยะทาง 45 กิโลเมตร โดยพื้นที่ต่อไปที่จะดำเนินการจัดระเบียบ คือ ถนนเพชรบุรีฝั่งเหนือ (ถนนพญาไท-ทางด่วน)

รวมถึงดำเนินการต่อไปในพื้นที่อื่นๆ ได้แก่ ถนนพระราม 4 ถนนประชาชื่น ฝั่งขาเข้า ถนนบรมราชชนนี ขาออก ถนนประชาอุทิศ ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ถนนบรมราชชนนี ขาเข้า ถนนปรีดี พนมยงค์ ถนนพหลโยธิน ถนนร่มเกล้า ถนนพระรามที่ 1 ถนนเอกชัย ถนนติวานนท์ ถนนศรีนครินทร์ ถนนนิมิตใหม่ ถนนนาคนิวาส ถนนกรุงเกษม ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถนนอ่อนนุช คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2561

ขณะเดียวกัน สภา กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาการจัดระเบียบบนทางเท้า รวมถึงการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสาร เนื่องจากทางเท้าในพื้นที่กรุงเทพฯ มีสิ่งกีดขวาง ทำให้การสัญจรของประชาชนไม่สะดวก นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคต่างๆ กีดขวางการสัญจรบนทางเท้า อาทิ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้สาธารณูปโภค ป้ายโฆษณา ทั้งที่ได้รับสิทธิและไม่ได้รับสิทธิจาก กทม. รวมถึงสายไฟฟ้าและสายสื่อสารที่ไม่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดความไม่สวยงาม

ดังนั้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงต้องเข้มงวดกวดขันในเรื่องของหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ติดตั้งตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้สาธารณูปโภค ป้ายโฆษณาและป้ายอื่นๆ บนทางเท้า ซึ่งที่ประชุมสภา กทม. เห็นชอบตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาการจัดระเบียบบนทางเท้า รวมถึงการจัดระเบียบสายไฟฟ้าและสายสื่อสารกำหนดพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 180 วัน 

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า ปัญหาสายสื่อสารบนทางเท้าได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แล้วว่า กทม.จะดำเนินการนำสายสื่อสารลงดิน โดยจัดการเองทั้งหมดในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ และเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลดำเนินการจ่ายค่าเช่าให้ กทม.ตามเหมาะสม ยกเว้นสายไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญ เบื้องต้น กสทช.เห็นชอบกับ กทม. และคาดว่าภายใน 2-3 เดือน จะมีความคืบหน้าการดำเนินการ

นอกจากนี้ กรณีประชาชนพบสายสื่อสารที่รกรุงรังไม่เป็นระเบียบสามารถแจ้งมายังคอลเซ็นเตอร์ของสำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 หรือแจ้งไปที่การไฟฟ้านครหลวง โทรศัพท์ 1130 เมื่อรับเรื่องแล้วทาง กสทช.จะประสานงานกับผู้ประกอบการเจ้าของสายให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วน 

ต่อจากนี้ปัญหาสายสื่อสารและสายอินเทอร์เน็ตหย่อนคล้อยห้อยท้องช้างไม่ควรมีอีกต่อไป หากเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบ เข้มงวดกฎหมาย ประชาชนก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้