อย่าลืมผู้รับผิดชอบ

โดย..ทองพระราม

ประเด็นการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “สัปปายะสภาสถาน” อันมีความหมายว่า “สภาที่มีความสงบร่มเย็น” กับระยะเวลาดำเนินการก่อสร้างอันใช้เวลาแสนเนิ่นนาน

ยังอยู่ในความสนใจจากประชาชนอย่างท่วมท้น เพราะด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการต่อสัญญาขยายเวลาก่อสร้างหลายระลอก อันเนื่องจากติดปัญหาการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมา

แม้จะมีความทุลักทุเลแต่ประเด็นซึ่งทุกฝ่ายต่างหันมาจับจ้องว่าเหตุที่ทำให้การก่อสร้างล่าช้านั้น จะเป็นเพราะเกิดการทุจริตหรือไม่ สอดรับกับฟากการเมืองออกมาเปิดปมดังกล่าว

ทำให้ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรพร้อมคณะที่รับผิดชอบดูแลโครงการ ต่างออกมาแถลงข่าวเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงให้สังคมเกิดความกระจ่างกับเรื่องนี้

ซึ่งสรุปความในประเด็นอันอยู่ในความสนใจของประชาชน คือ “ไม่มีการทุจริต” แต่สาเหตุสำคัญเลยนั้นอยู่ที่กระบวนการจัดการส่งมอบพื้นที่ใช้ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ติดปัญหา

ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล บอสใหญ่แห่ง ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์อธิบายปมดังกล่าว

ทั้งหมดทั้งมวลจากคำชี้แจงให้เห็นถึงกระบวนการยืดเยื้อมาจากการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง โดยเฉพาะโรงเรียนโยธินบูรณะ และปัญหาการนำดินจำนวน 1 ล้านคิว ออกจากพื้นที่ก่อสร้าง

ทว่า เมื่อเรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมาถึงป่านนี้ เห็นทีหน่วยงานเกี่ยวข้องจำต้องกระโดดเข้ามาตรวจสอบว่าแท้จริงแล้ว ปัญหานี้ใครกันที่ก่อให้เกิดความเสียหายกันแน่

เพราะจากถ้อยแถลงฝั่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้าง สะท้อนให้เห็นปัญหาตรงกัน คือ ในเรื่องปัญหาการส่งมอบพื้นที่ไม่เป็นตามกำหนด

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จำเป็นต้องหาผู้รับผิดชอบ เนื่องจากสร้างความเสียหายเป็นจำนวนเม็ดเงินอันมหาศาล ซึ่งได้ลงทุนไปกับการใช้ดำเนินการก่อสร้างรัฐสภาใหม่

ซึ่งเงินที่ว่านั้นมาจากกระเป๋าสตางค์ของประชาชน ที่จ่ายไปเป็นภาษี เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองให้เท่ากับชาติอื่นๆ ได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นชาติไทย

แต่มาถึงจวบจนวันนี้ เมื่อคำนวณวันกำหนดเริ่มต้นก่อสร้างและวันที่ต้องแล้วเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม แน่นอนว่าย่อมเสียหายอย่างมากแบบชนิดเรียกว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์

เมื่อมาถึงจุดนี้คงพูดได้แต่เพียงว่า ต้องเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จเป็นการด่วน เพื่อเป็นหน้าตาให้กับประเทศชาติ เนื่องจากสิ้นปี 2561 รัฐสภาเดิมซึ่งตั้งอยู่อู่ทองในจำต้องย้ายออกจากพื้นที่เดิมไปยังรัฐสภาแห่งใหม่ ดังนั้น หวังเพียงแต่ห้องประชุมสำคัญควรต้องเสร็จแล้วพร้อมใช้งานได้ ส่วนพื้นที่จุดอื่นๆ คงต้องใช้คำว่า “อะลุ่มอล่วย”

สำคัญสุดเมื่อเรื่องนี้เป็นอันยุติ ก็ต้องหาผู้ต้องรับผิดชอบที่ก่อให้เกิดความเสียหาย อย่าปล่อยให้เงียบหายไป เพียงเพราะดีใจเมื่อมีรัฐสภาใหม่ใช้แล้ว เพราะมูลค่าเงินลงทุนมีจำนวนมหาศาล

อย่าเงียบหายเข้ากลีบเมฆเหมือนทองมิรู้ร้อน มิเช่นนั้นความหมายชื่อของรัฐสภาใหม่ อาจสร้างความเดือดร้อนในอนาคตเป็นได้