posttoday

เลื่อนเลือกตั้ง ยิ่งยื้อ...ยิ่งเหนื่อย​

19 ธันวาคม 2560

กระแส “ยื้อ” เลื่อนเลือกตั้งกำลังกลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ ท่ามกลางปรากฏการณ์หลายๆ อย่างที่สะท้อนความพยายามขัดขวางไม่ให้ทุกอย่างเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

กระแส “ยื้อ” เลื่อนเลือกตั้งกำลังกลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ ท่ามกลางปรากฏการณ์หลายๆ อย่างที่สะท้อนความพยายามขัดขวางไม่ให้ทุกอย่างเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้

แม้ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมาส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในปี 2561 สอดรับกับเส้นทางการเตรียมความพร้อมที่วางไว้ โดยหากไม่มีอะไรผิดพลาดจะมีความชัดเจนได้ราวเดือน พ.ย. 2561

แต่ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างสนิทใจว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างไม่บิดพลิ้ว

ที่สำคัญหาก คสช.จะตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งออกไป ก็มีหลายเหตุผลที่จะหยิบยกมาอ้างได้ แต่จะฟังขึ้นและเป็นที่ยอมรับของสังคมหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

​เหตุผลแรก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไม่แล้วเสร็จตามที่กรอบเวลาที่ควรจะเป็น ซึ่งจะเป็น “โดมิโนตัวแรก” กระทบไปถึงเส้นทางการเลือกตั้งทั้งหมดให้ต้องเลื่อนตามไป

สืบเนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 กำหนดว่า เมื่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประกาศใช้ให้มีการจัดเลือกตั้งใน 150 วัน

ขณะนี้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ​พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศใช้บังคับเรียบร้อย

เหลือเพียง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.โดยอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)​

ปลุกให้กระแสการคว่ำกฎหมายในชั้น สนช.​เพื่อหวังเลื่อนการเลือกตั้งออกไป กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจาก สนช.ทยอยพิจารณากฎหมาย 2 ฉบับออกมาก่อนหน้านี้

แต่แนวทางนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว เมื่อ พ.ร.บ.ทั้งเลือกตั้ง สส.และการได้มา ซึ่ง สว. โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาล้วนแต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุม อันอาจเป็นชนวนนำมาสู่การถกเถียง จนไม่อาจหาข้อยุติได้ สุดท้ายอาจเป็นเหตุให้กระบวนการพิจารณาต้องทอดเวลาออกไป

ยังไม่รวมกับประเด็นใหม่เรื่องการขอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่มีผลบังคับใช้แล้วแต่เงื่อนไขบางประเด็นยังเป็นที่ถกเถียงในสังคมอันนำมาสู่การเรียกร้องให้แก้ไขจากหลายฝ่าย

เหตุผลประการที่สอง พรรคการเมืองไม่พร้อมจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ด้วยกฎ กติกาที่ออกมาตามรัฐธรรมนูญใหม่ สอดรับไปกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ที่กำหนดให้พรรคต้องแจ้งฐานข้อมูลทะเบียนสมาชิกที่มีการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเปิดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งแก้ไขข้อบังคับพรรคนั้น ซึ่งมีเดดไลน์จะครบกำหนดในวันที่ 5 ม.ค. 2561

ปัญหาสำคัญอยู่ตรงที่เวลานี้ คสช.​ยังไม่ยอมปลดล็อกคำสั่งให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมหรือจัดประชุมได้ นั่นย่อมทำให้กระบวนการเตรียมความพร้อมลงสนามได้รับผลกระทบไปด้วย

การยื้อไม่ยอมปลดล็อกคำสั่งของ คสช.​จึงถูกมองว่าอาจเป็นเพราะต้องการสร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การไม่สามารถเลือกตั้งใช่หรือไม่ เพราะ พ.ร.บ.​ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองก็มีผลบังคับใช้นานแล้ว เวลาที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายก็งวดเข้าไปทุกที

​การยื้อแบบไม่มีเหตุผลชัดเจน จึงยิ่งตอกย้ำกระแสยื้อเลือกตั้ง ในวันที่หลายกลุ่มเริ่มเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง โดยพูดถึงความเท่าเทียมระหว่างพรรคเก่าในอดีตและ  พรรคใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้นหลังรัฐธรรมนูญฉบับนี้

ทว่า เมื่อดูกลุ่มบุคคลที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง ​ล้วนแต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ประกาศตัวสนับสนุน คสช.กลับมาเป็นรัฐบาลสานต่อภารกิจที่ยังไม่ลุล่วง

เมื่อนำมาปะติดปะต่อจะยิ่งเห็นภาพเงื่อนงำที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวในช่วงนี้

เหตุผลประการที่สาม คือ การหยิบยกเรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งกลับมาใช้ใหม่อีกรอบ แม้จะเป็นเหตุผลที่จะมีน้ำหนักอ่อนที่สุด แต่จะเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ ยังไม่รวมกับคำถาม 6 ข้อ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาหยั่งกระแสก่อนหน้านี้ ชวนให้คิดถึงวังวนปัญหาหลังเลือกตั้ง หากการปฏิรูปยังไม่สำเร็จลุล่วง

ปัญหาอยู่ตรงที่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล คสช.ซึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในมือกลับยังไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทำการปฏิรูปให้เห็นเป็นรูปธรรม การอยู่ต่อเพื่อที่จะทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ จะมีหลักประกันได้อย่างไรว่าทุกอย่างจะไม่เป็นเช่นเดิมอีก

ทั้ง 3 เหตุผลล้วนแต่เป็นเงื่อนไขที่พอจะหยิบยกไปสนับสนุนความพยายามเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้

เพียงแต่ของการยื้อเลือกตั้งออกไปนั้น ​สุดท้าย​อาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดีต่อ​ประเทศและรัฐบาล คสช.ในวันที่​สัมพันธ์กับนานาชาติกำลังดีขึ้นตามลำดับ หากการเลือกตั้งต้องทอดเวลาออกไปจากกำหนดเดิม ย่อมทำให้สถานการณ์ในประเทศย่ำแย่ลงไป

ซ้ำเติมสภาพปัญหาความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล คสช. ซึ่งมีแนวโน้มตกต่ำต่อเนื่อง ​จนอาจกระทบไปถึงการบริหารงานของรัฐบาลต่อจากนี้ ​ให้เต็มไปด้วยความยากลำบาก

ข่าวล่าสุด

อัปเดต! เลือกตั้งล่วงหน้าวิธีลงทะเบียน-ใช้สิทธิ์ 3 ช่องทาง