posttoday

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

05 ธันวาคม 2560

ธุรกิจขายฝันกำลังแพร่ระบาย โดยมีสื่อออนไลน์และภาพความสำเร็จเกินจริงมาแอบอ้างให้เหยื่อเกิดความหลงเชื่อ

โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด

ชายหนุ่มสะพายกระเป๋าแบรนด์เนม ยืนเคียงข้างซุปเปอร์คาร์สีแดงคันหรูมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เขาเอ่ยปากบอกให้เพื่อนถ่ายภาพให้เพื่อเอาไปขึ้นเฟซบุ๊ก โดยใส่แคปชั่นประกอบว่า "เราทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ" "ผมทำได้ คุณก็ได้ทำ มารวยไปด้วย" "อย่ามัวเเต่รอให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง เริ่มวันนี้เพื่ออนาคต" "คุณไม่สมัครคุณก็กลับไปเป็นลูกจ้างต่อไป"

พฤติกรรมเหล่านี้กำลังถูกแฉว่าเป็นพวกทำธุรกิจขายฝัน สร้างภาพร่ำรวยเพื่อลวงให้เหยื่อสนใจเข้ามาเป็นสมาชิก ก่อนจะโน้มน้าวให้เกิดการซื้อสินค้าไปกักตุนจำนวนมาก และหาสมาชิกเครือข่ายต่อไป

จากนักธุรกิจขายตรงสู่นักธุรกิจขายฝัน

แนวคิดธุรกิจขายตรงนั้นไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่ในทางปฏิบัตินั้นเปิดโอกาสให้กับกลยุทธ์ด้านมืด จนกระทั่งกลายเป็นธุรกิจขายฝัน

วีรพล สวรรค์พิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ อธิบายว่า ความหมายโดยแท้จริงของ ธุรกิจขายตรง คือการจำหน่ายสินค้าให้ผู้บริโภคโดยตรง ไม่ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายหรือดีลเลอร์ ทำให้ไม่ต้องเสียกำไรหรือ margin จุดนี้จึงนำมาใช้จ่ายให้กับตัวแทนขายตรง ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของธุรกิจในการขาย

ต่อมาเมื่อธุรกิจขายตรงเติบโตขึ้น จึงเกิดการขายตรงแบบหลายชั้น หรือ ธุรกิจเครือข่าย (Multi- Level Marketing หรือ MLM) หรือ ธุรกิจเครือข่าย (Network Marketing) เป็นการตลาดต่อ กันเป็นเครือข่ายหลายชั้น โดยนิยามผู้ขายเป็นนักขายอิสระไม่ใช่ลูกจ้างของบริษัท มักเรียกว่าเป็น นักธุรกิจอิสระ นักธุรกิจเครือข่ายหรือสมาชิก

ธุรกิจเครือข่าย มีแผนการตลาดหลายแบบ สามารถสร้างรายได้หลายช่องทาง อาทิ รายได้เริ่มต้น เป็นผลกำไรจากการขายปลีก รายได้จากการสร้างทีม คอมมิชชั่นหรือส่วนลดตามระดับยอดขายของสินค้าหรือบริการที่มีการสั่งซื้อ รวมถึงโบนัสอื่นๆ ตามแผนการตลาดที่แตกต่างกัน จุดนี้เองที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายมักจะใช้เป็นจุดดึงดูดหรือจุดขายสำคัญในการสร้างเครือข่ายนักธุรกิจ

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

 

เล่นกับจิตวิทยา ธรรมชาติและเทคโนโลยี

การเติบโตของธุรกิจขายตรงประเภทหลอกลวงนั้นเกิดจากหลากหลายปัจจัย ทั้งการเล่นกับธรรมชาติของมนุษย์ตลอดจนเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า

วีรพล บอกว่า มนุษย์ทุกคนมีความต้องการตามลำดับขั้นของมาสโลว์ (Maslow) ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ไปจนถึงขั้นสูงสุด ความสมบูรณ์แบบของชีวิต เมื่อมีขั้นแรกก็จะอยากได้ขั้นต่อๆ ไป ซึ่งตรงกับโลกทุนนิยม โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่คนมีความต้องการในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ “พวกที่หลอกลวง” นำจุดนี้มาใช้ได้ง่าย

“ถ้าคุณเคยกินข้าวปั้นคำละ 5 บาท คุณก็อยากกินร้านอาหารญี่ปุ่นดีๆ ถ้าคุณเคยกินแล้วคุณก็อยากกินแบบโอมากาเสะ ที่เชฟบรรจงทำให้ทีละคำ ขึ้นอยู่กับรายได้ที่สูงขึ้น เมื่อก่อนนั่งรถเมล์ ต่อมารถแท็กซี่ พอมีรถก็อยากได้ดีขึ้นๆ เป็นปกติของคน ยิ่งเป็นวัตถุนิยมมากยิ่งง่ายต่อการถูกจูงใจ”

เช่นกันกับการพัฒนาเทคโนโลยีและการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ ก็นับเป็นการสร้างโอกาสในด้านการค้าการขาย  การรับสื่อ การโฆษณา การกระตุ้นโน้มน้าว รวมถึงการหลอกลวงได้ง่ายขึ้น ผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ,  ยูทูป หรือแม้แต่การสร้างแอพฯ หาเครือข่ายก็ทำได้ง่ายดาย

“อีคอมเมิร์ซ มีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียมากเช่นกัน รวมถึงความยากในการควบคุมตรวจสอบโดยหน่วยงานภาครัฐ”

อีกเรื่องสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจขายตรงก้าวหน้า คือ Generation effect

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดระบุว่า ประเทศไทยมี Generation Y เพิ่มขึ้น กลุ่มวัยรุ่นมีลักษณะเฉพาะที่ชอบทำงานส่วนตัว ไม่ชอบมีเจ้านาย ชอบ Freelance อยากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทำให้ตรงนี้เป็นอีกจุดที่ทำให้พวกหลอกลวงเห็นช่องโหว่ในการเจาะใจกลุ่มเป้าหมาย

อีก Generation ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มผู้สูงอายุหรือ Gen B ประเทศไทยมีกลุ่มผู้สูงวัยมากขึ้น ถึงจะเกษียณอายุการทำงานแต่ก็ยังพอมีเรี่ยวแรงอยากสร้างรายและก็ไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน สิ่งใดทำแล้วมีรายได้ก็พยายามจะทำ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องว่างให้กับพวกหลอกลวง

ทั้งนี้สินค้าที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันมักเกี่ยวข้องความสวยความงาม เช่น เครื่องสำอางค์ ครีมบำรุงผิว อาหารเสริม เป็นต้น เนื่องจากเป็นสินค้าใกล้ตัว ขายง่ายและมีราคาไม่สูงนัก

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

 

ประสบการณ์หลอน หลอกล่อ-บังคับให้ซื้อ

เทคนิคหวานล้อมผ่านเรื่องเล่าความสำเร็จของพวกขายฝัน มักเริ่มต้นจากฐานะทางบ้านยากจน ครอบครัวแตกแยก ก่อนจะมาเจอช่องทางธุรกิจ แม้จะไม่มีเงินในช่วงแรก แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพี่คนนั้นคนนี้ เปลี่ยนชีวิตจากเด็กบ้านนอกจอมเกเรสู่เศรษฐีที่ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข

กิติยา คำนวรพร สาววัย 23 ปีเล่าว่า เคยถูกรุ่นพี่ชักชวนให้ไปขายตรง ภายในบริษัทหรือสถานที่พูดคุย อีกฝ่ายจะจับกลุ่มประมาณ 4-5 คน หนึ่งในนั้นจะคอยอธิบายแผนการทำงาน พูดชักจูง เริ่มบอกเล่าประวัติของตัวเองและใช้ประโยคที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ

“จบมาทำงานได้เงินเดือนไม่เกินสองหมื่นบาท แต่พอจับทางธุรกิจตัวนี้ได้ พี่สามารถซื้อบ้านซื้อรถให้พ่อแม่ได้เลยงานสบายไม่ต้องนั่งทำงานงกๆ พี่เลือกทิ้งการเรียนเพื่อมาตอบแทนพระคุณพ่อแม่ น้องว่าเป็นไง” กิติยาย้อนความที่ได้ยินในอดีตต่อว่า “ค่าสมัครแค่ 1×,××× บาท แต่กำไรเกินคุ้ม ไม่ต้องลำบากไปเรียนให้หนักหัว น้องสมัครเลยดีกว่า พี่ว่าน้องต้องขายเก่งแน่ๆ”

แม้เธอจะตอบปฏิเสธโดยอ้างไปว่าไม่มีเงิน แต่กลับถูกอีกฝ่ายเอ่ยปากบอกให้เอาเงินค่าเทอมมาจ่าย

“เขาจะอธิบายเรื่องราคาแต่ละตำแหน่ง ถ้าใครติดเรื่องเงิน เขาจะแนะนำวิธีหาเงินมาลงทุน แต่เราเอะใจว่าเป็นขายตรงแบบหลอกลวงแน่ๆ ยืนยันไม่เอาหนักแน่นและรอดมาได้”

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

 

บุษกร นักศึกษาวัย 19 ปี เล่าว่า เคยเสียเงิน 3,000 บาท ให้กับธุรกิจขายสินค้าคอลลาเจนแบรนด์หนึ่ง เพราะความเกรงใจ รู้เท่าไม่ถึงการณ์และโดนหว่านล้อมจนรู้สึกกดดัน

“แรกเริ่มเขาขอ 300 บาทบอกว่าเป็นค่าสอนงาน พอจ่ายไปแล้วกลับได้ฟังแต่เรื่องของคนจนที่รวยได้เพราะขายคอลลาเจน  ต่อมาเขาจะชวนให้เปิดบิลซื้อสินค้าในราคา 30,000 บาท เราบอกไม่มีเงิน เขาพาคนมาล้อมพยายามพูดให้ซื้อสินค้าให้ได้ บอกมีทองไหม เอาไปจำนำก่อนสิ หรือไปโกหกพ่อแม่ว่าทำของที่มหา’ลัยพังก็ได้ สุดท้ายเราตัดปัญหา ยอมจ่าย 3,000 ให้จบๆ ไป โดนล้อมไว้หลายคน ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร”

หลังจากวันนั้นบุษกรไม่ได้รับการสอนวิธีการขายหรือทำธุรกิจอีกเลย ต้องดิ้นรนหาทางขายเอง ซึ่งสุดท้ายก็ขายไม่ออก

ทั้งนี้เธอเล่าว่า คนส่วนใหญ่ที่ไปร่วมฟังธุรกิจเป็นกลุ่มวัยรุ่น เจ้าของแบรนด์มีการนำรถซุปเปอร์คาร์มาจอดหน้าสถานที่ และโปรโมทสินค้าด้วยการให้คนถ่ายรูปคู่กับเงินจำนวนมาก โดยเป็นลักษณะพลัดกันถ่าย

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

 

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

ตุลย์พิชญ์ แก้วม่วง อดีตเหยื่อวัย 25 ปี เกิดความสนใจจากข้อความยอดฮิต “รายได้เสริม ทำงานแค่ไม่มีชั่วโมงต่อสัปดาห์” บนใบปลิวที่ติดอยู่ในตู้โทรศัพท์

“เห็นแล้วน่าสนใจดีครับ เมื่อติดต่อเข้าไป เขานัดไปเจอที่สถานที่แห่งหนึ่ง เริ่มถามว่านำใบปลิวมาด้วยหรือเปล่า เนื่องจากมีชื่อของต้นสายธุรกิจระบุไว้”

การพูดคุยของอีกฝ่ายเริ่มจากอธิบายลักษณะการทำงาน คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ ก่อนเชิญชวนให้สมัครสมาชิกและร่วมทำธุรกิจด้วย โดยเรียกร้องให้จ่ายเงินค่าสมัครแลกกับตำแหน่ง สิทธิในการขายและสินค้าจำนวนหนึ่ง

“เราบอกไม่มีเงิน เขาบอกโทรยืมคนอื่นสิ เอาทองไปขายก็ได้ ตอนนั้นเราเชื่อเพราะเห็นว่าธุรกิจมันเป็นไปได้ สุดท้ายก็เอาทองไปขายจริงๆ เอาเงินมาให้เขาสามพันกว่าบาท”

ตุลย์พิชญ์ตัดใจสินพลาด เมื่อหลังจากเสียเงินไปแล้ว เขาพบว่าแต่ละวันมีผู้คนจำนวนมากทยอยเข้ามานั่งและถูกประกบด้วยทีมงานเพื่อกดดันให้สมัครสมาชิกและซื้อสินค้าแบบที่ตัวเองเคยโดน

“เขาบอกให้แต่งตัวดีๆ เข้าออฟฟิศ จะมีทีมงานหลักนั่งพูดหว่านล้อมเหยื่อ เราคอยไปนั่งประกบและพูดเสริมว่ามันดีจริงๆ นะ วันไหนไม่มีงานเขาจะให้เราเอาใบปลิวไปติดตามป้ายรถเมล์”

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

แม้ผลิตภัณฑ์หลายอย่างของบริษัทนี้นั้นดูน่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน แต่ตุลย์พิชญ์ยืนยันว่าเจ้าของไม่ได้หวังรายได้จากยอดขายสินค้าแต่หวังรายได้จากการหาสมาชิกมากกว่า

สำหรับกลยุทธ์ที่บริษัทเหล่านี้ใช้คือสร้างบรรยากาศที่ปฏิเสธได้ยาก โน้มน้ามให้เกิดความน่าเชื่อถือและยกตัวอย่างความสำเร็จด้วยการแอบอ้างหรือหลอกลวง

“เขาชอบบอกว่าคนเราต้องมีความฝันและต้องไปให้ถึง พร้อมกับยกตัวอย่างรอบๆ เช่น เนี่ยดูสิคนนี้เป็นอาจารย์มหา’ลัยเก่า คนนี้เคยเป็นผู้จัดการธนาคาร ผันตัวมาทำจนประสบความสำเร็จ บรรยากาศแบบนั้นทำให้ไม่กล้าปฏิเสธ เขาเล่นกับจิตวิทยา มีคนเปิดและมีคนคอยสนับสนุน”

 

ถอดรหัสการตลาดด้านมืด "จากธุรกิจขายตรงสู่การขายฝัน"

อย่าเชื่อความร่ำรวยเกินจริง

สำหรับคนที่ไม่อยากโดนหลอกและอยู่ระหว่างสนใจทำธุรกิจลักษณะขายตรง อ.วีรพล ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด แนะนำว่า

1. ตรวจเช็คชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ จากหน่วยงานที่ควบคุมดูแล เช่น สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) (www.tdsa.org/) หรือการจดทะเบียนบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์

2. ดูประเภทของผลิตภัณฑ์ว่าเป็นที่นิยมและมีแนวโน้มเจริญเติบโตหรือไม่ มีการโฆษณาชวนเชื่อผลิตภัณฑ์เกินจริงหรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องรับฟังแผนการตลาดมาก เพราะส่วนใหญ่บริษัทที่หลอกลวง เตรียมตัวมาดีและเหยื่อมักตามไม่ทัน

3. อย่าเชื่อความร่ำรวยเกินจริง หากรวยได้ขนาดนั้น บริษัทคงเจริญเติบโตอย่างมาก ผู้คนคงแห่ไปสมัครและขับรถสปอร์ตกันได้ทั้งโลก

4. เศรษฐกิจพอเพียงดีที่สุด มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย อยากรวยต้องมีความเพียรพยายาม ไม่มีทางลัด

ทุกคนมีศักยภาพในการพัฒนาตัวเองและหาโอกาสสร้างหารายได้ โดยความสำเร็จนั้นต้องมาจากความถูกต้องมิใช่ความหลอกลวง

................. 

ภาพจากเฟซบุ๊ก  nattapong posukarn , natee kubola , ชาล์วานิช ชำนาญเนาว์  

ข่าวล่าสุด

HAAB (หาบ) มัดรวม 9 รสชาติที่สุดแห่งปี ที่ชาวโซเชียลไม่อยากมูฟออน