กรมอุทยานเอาด้วยห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ทางทะเล24แห่ง
กรมอุทยานฯลงนามMOUกับทช.หลังออกประกาศห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ทางทะเล24แห่งทั่วประเทศ
กรมอุทยานฯลงนามMOUกับทช.หลังออกประกาศห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่ทางทะเล24แห่งทั่วประเทศ
กรณีที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กำลังจะออกประกาศห้ามสูบบุหรี่บริเวณชายหาด โดยอาศัยพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ.2558 ผู้ฝ่าฝืนโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยนำร่อง 20 ชายหาด เริ่มต้นวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า วันที่ 31 ตุลาคม กรมอุทยานแห่งชาติฯและทช.จะไปลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ เรื่องการเฝ้าระวัง และประกาศห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล 24 แห่งทั่วประเทศ ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะก้นบุหรี่ และควันบุหรี่ เป็นมลพิษที่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมมาก คนที่ไปเที่ยวพักผ่อนชายทะเล ย่อมต้องการอากาศที่บริสุทธิจริงๆ
เมื่อถามว่า ในที่สุดแล้วจะมีการขยายพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ออกไปยังพื้นที่อุทยานทางบกทั่วประเทศด้วยหรือไม่ นายธัญญา กล่าวว่า ตามปกติแล้ว อุทยานฯทุกแห่งได้กำหนดพื้นที่สำหรับสูบบุหรี่เอาไว้อยู่แล้ว รวมทั้งเรื่องการทิ้งขยะทุกชนิดก็จัดที่เอาไว้ หากใครฝ่าฝืนก็มีโทษปรับขั้นต่ำ 500 บาทอยู่แล้วส่วนจะไปประกาศเจาะจง แบบห้ามสูบบุหรี่ในพื้นที่อุทยานฯแห่งชาติทั้งหมดเลยคงยังทำไม่ได้เวลานี้
"ในอนาคตยอมรับว่าคงต้องทำ แต่ต้องศึกษาข้อมูลอื่นๆมาประกอบด้วย เหมือนที่ทช.ทำ ไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำเลย แต่เขาศึกษาหาข้อมูล รวมทั้งสอบถามความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน อย่างที่ก่อนหน้านี้ อุทยานฯเคยประกาศห้ามดื่มเหล้าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติมาแล้ว ซึ่งใหม่ๆอาจจะมีคนคัดค้านไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ในที่สุดทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับเพราะสิ่งที่เราประกาศห้ามออกไปนั้นเราทำเพื่อผลประโยชน์ของผู้คนส่วนใหญ่นั่นเอง"นายธัญญา กล่าว
นายอภิชัย เอกวนากุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 (สบทช.4) ร่วมกับนายเจริญศักดิ์ วงษ์สุวรรณ นายอำเภอไชยา นายยอดชาย พันธ์ครุฑ นายกเทศมนตรีตำบลพุมเรียง สถานีทรัพยากรป่าชายเลนที่ 13 คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลพุมเรียง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดพุมเรียง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมดำเนินการตามข้อสั่งการของ อธิบดีทช.เรื่อง ประชุมกำหนดมาตรการแนวทางการจัดการขยะทะเลลดการใช้กล่องโฟมและถุงพลาสติกของตลาดชุมชนบ้านแหลมโพธิ์ ซึ่งกำหนดให้มีการดำเนินกิจกรรมทุกวันเสาร์ ณ บริเวณ บ้านแหลมโพธิ์ ต.พุมเรียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
นายอภิชัย กล่าวว่า โฟมและถุงพลาสติกถูกทิ้งเป็นขยะด้วยปริมาณและสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากเป็นขยะที่มีความคงทนและสามารถทนต่อแรงอัดได้สูง และใช้เวลา ในการย่อยสลายนานถึง 450 ปี ในการเผาทำลายโฟมและถุงพลาสติกนั้นก็ต้องทำในอุณหภูมิให้อยู่ภายใต้การควบคุมที่ถูกต้อง เพื่อเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประชาชน นอกจากนี้ เมื่อถูกนำไปใช้บรรจุอาหารที่ร้อนจัดจะเกิดปฏิกิริยาที่ทำให้สารอันตรายแตกตัวออกมาจะทำลายไขกระดูก ทำลายตับ และไต รวมทั้งอาจเป็นสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นสาเหตุทำให้จำนวนเม็ดเลือดลดลงและทำลายระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้
นายอภิชัย กล่าวว่าทช. ได้ร่วมกับผู้นำชุมชนในท้องที่ ดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ดังกล่าว ด้วยการติดป้ายรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในท้องที่ได้รับทราบ โดยเทศบาลตำบลพุมเรียงจะเชิญพ่อค้า แม่ค้า ในตลาดชุมชนบ้านแหลมโพธิ์มารับทราบในข้อปฏิบัติ พร้อมกับขอความร่วมมือเปลี่ยนจากกล่องโฟมเป็นกล่องชานอ้อย ใช้แก้วกระดาษแทนแก้วพลาสติก และให้ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกลง ทั้งนี้ นายอำเภอได้แจ้งในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและการประชุมต่างๆ เพื่อให้เทศบาลจัดถังขยะกระจายให้ครอบคลุมพื้นที่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ รวมถึงให้โรงเรียนในเขตพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสำนึก และนำนักเรียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวในวันเสาร์ที่มีตลาดนัดชุมชน โดยให้เทศบาลเร่งดำเนินการออกเทศบัญญัติห้ามใช้กล่องโฟมและถุงพลาสติกที่จะส่งผลกระทบต่อขยะทะเลและสิ่งแวดล้อม และในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 นี้ ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการดังกล่าวขึ้น โดยให้คณะทำงานดำเนินการแจกถุงผ้า ถุงกระดาษ และกล่องชานอ้อย ให้กับพ่อค้า แม่ค้า และผู้ที่มาใช้บริการในตลาดนัดชุมชน พร้อมกับเริ่มสำรวจปริมาณที่ใช้กล่องโฟมและพลาสติกในตลาดชุมชนบ้านแหลมโพธิ์ เพื่อเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลต่อไป.


