นักโบราณคดี-ช่างศิลปินจี้นายกฯระงับโครงการบูรณะวัดอรุณฯ
อดีตคณบดีคณะโบราณคดีศิลปากร พร้อมช่างศิลปินอิสระ ภาคประชาชน ร่วมลงชื่อส่งถึงนายกฯให้ระงับโครงการบูรณะวัดอรุณฯ ชี้ทำความงามดั้งเดิมสูญหายไป
เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ภาคประชาสังคมศึกษาการบูรณะพุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร นำโดย ศาสตราจารย์สายันต์ ไพรชาญจิตร์ อดีตคณบดีคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และ ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ช่างศิลปินอิสระ และภาคประชาชนมากมาย เพื่อเรียกร้องให้ระงับยับยั้งโครงการบูรณะพุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร และแต่งตั้งกรรมการผู้ชำนาญการจากหลากหลายสาขาเพื่อทบทวน ตรวจตราและแก้ไขความเสียหาย
ภาคประชาสังคมฯระบุว่าว่า โครงการบูรณะครั้งนี้มีลักษณะเป็นเพียงการปฏิสังขรณ์(Restoration)ที่ขาดความเอาใจใส่ในมิติของความงามทางศิลปกรรมทำให้สุนทรียทัศน์ขาดหาย เกิดความเสื่อมค่าทางอัตลักษณ์อันโดดเด่นของพุทธปรางค์สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ภาคประชาสังคมฯ จึงใคร่ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ สั่งการให้กรมศิลปากรดำเนินการตามนี้
1.ระงับยับยั้งและยุติการบูรณะตามสัญญาโครงการในทันที
2.ให้เปิดเผยสัญญาว่าจ้าง(TOR)แก่สาธารณชนตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ 2540 (มาตรา 7, 9 และ 11)
3.แต่งตั้งกรรมการระดับชาติที่มาจากภาคส่วนต่างๆ เข้าตรวจตรา ทบทวนกระบวนการ วิธีการบูรณะและอนุรักษ์พุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามฯ
สำหรับเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกมีดังนี้
วันที่ 31 สิงหาคม 2560
ภาคประชาสังคมศึกษาการบูรณะพุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร
เรื่อง ขอให้ระงับยับยั้งโครงการบูรณะพุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร และแต่งตั้งกรรมการผู้ชำนาญการจากหลากหลายสาขาเพื่อทบทวน ตรวจตราและแก้ไขความเสียหาย
เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
อธิบดีกรมศิลปากร
ตามที่มีข่าวปรากฎขึ้นในสื่อสาธารณะทั้งสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุและสื่อสังคมอีเลคโทรนิคเกี่ยวกับโครงการบูรณะวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ถึงภาพลักษณ์และความหมายที่เปลี่ยนไปในทางที่เสื่อมถอย อันนำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ และความไม่พอใจของประชาชนไทยโดยเฉพาะผู้ที่มีใจรักและผูกพันกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของโบราณสถานอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แห่งนี้
วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดโบราณ มีประวัติศาสตร์มายาวนานตั้งแต่เริ่มการก่อสร้างในสมัยอยุธยา เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังที่ประทับนั้น ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานวัดอรุณฯกลายเป็นวัดภายในพระราชวัง
ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และพระราชทานนามใหม่อย่างเป็นทางการว่า “วัดอรุณราชธาราม” เดิมทีมีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่มาประดับไว้บนยอดนภศูล ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
เดิมทีวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารแห่งนี้ เป็นพระราชดำริของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ความสำคัญกับลวดลายและความหมายทั้งโครงสร้างและการประดับประดาโดยเฉพาะกระเบื้องเคลือบ ถ้วยชามที่ประดับบนองค์พระปรางค์นั้น บ่งบอกนัยยะของประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่เริ่มการค้าไทยจีน การย้ายราชธานีสองครั้ง การเสด็จพระราชดำเนินทอดกฐินหลวงของในหลวงหลายรัชกาล ปัจจุบันได้กลายเป็นฉากทัศน์ในการเคลื่อนขบวนพยุหยาตราทางชลมารคและวาระสำคัญอันเป็นราชประเพณีอื่นๆ
จากการลงพื้นที่สำรวจปัญหา ภาคประชาสังคมได้พบเห็นและสรุปปัญหาทั้งในระดับการวางนโยบายบูรณะและระดับปฏิบัติการได้ดังนี้
-กรมศิลปากร ไม่ได้ทำการศึกษาวิจัย ประเมินสภาพศิลปกรรมโบราณโดยละเอียดก่อนการออกแบบบูรณะ ทำให้การบูรณะไร้ทิศทางและขาด มาตรฐานที่จะให้ผู้ควบคุมงานใช้การอ้างอิงเพื่อตรวจรับงาน
-รื้อผลงานล้ำเลิศของครูช่างโบราณออก จากนั้นทำใหม่โดยเปลี่ยนแปลงจากของเดิม เช่น สีกระเบื้องของยักษ์ ลิง คนธรรพ์ รวมไปถึงลวดลาย ขนาด ซึ่งครูช่างโบราณได้ศึกษาไว้อย่างดีแล้ว
-ช่างไร้ฝีมือ ขาดความประณีต
-ใช้วัสดุ(ปูนขาว)ที่ไม่ได้มาตรฐานใกล้เคียงหรือทัดเทียมกับของเดิมทำให้วัสดุกระเบื้องถ้วยเคลือบเริ่มหลุดร่วงๆทั้งๆที่เพิ่งบูรณะเสร็จไปไม่กี่เดือน
กล่าวโดยสรุปก็คือ โครงการบูรณะครั้งนี้มีลักษณะเป็นเพียงการปฏิสังขรณ์(Restoration)ที่ขาดความเอาใจใส่ในมิติของความงามทางศิลปกรรมทำให้สุนทรียทัศน์ขาดหาย เกิดความเสื่อมค่าทางอัตลักษณ์อันโดดเด่นของพุทธปรางค์สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ภาคประชาสังคมจึงใคร่ขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ สั่งการให้กรมศิลปากรดำเนินการตามนี้
1.ระงับยับยั้งและยุติการบูรณะตามสัญญาโครงการในทันที
2.ให้เปิดเผยสัญญาว่าจ้าง(TOR)แก่สาธารณชนตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ 2540 (มาตรา 7, 9 และ 11)
3.แต่งตั้งกรรมการระดับชาติที่มาจากภาคส่วนต่างๆ เข้าตรวจตรา ทบทวนกระบวนการ วิธีการบูรณะและอนุรักษ์พุทธปรางค์วัดอรุณราชวรารามฯ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ ก่อนที่โครงการบูรณะดังกล่าวจะสร้างความสูญเสียให้กับโบราณสถานวัดอรุณฯมากไปกว่านี้
อแสดงความนับถืออย่างสูง
คณะทำงานภาคประชาสังคมศึกษางานบูรณะพุทธปรางค์วัดอรุณฯ


