สั่ง"พ.ต.ท."โยงอุ้มนักธุรกิจรีดทรัพย์ 20 ล้าน ออกราชการ

สตช. สั่ง"พ.ต.ท."โยงอุ้มนักธุรกิจรีดทรัพย์ 20 ล้าน ออกราชการ พร้อมตั้งกก.สอบ ด้าน 191 แถลงจับกุม 8 ผู้ต้องหา

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(ผบก.ปอศ.) กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ตกเป็น1ใน10ผู้ต้องหาอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบินชาวไทยเชื้อสายจีน 20ล้านบาท ว่า เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่วนคดีอาญาก็ว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีการปกป้องคนกระทำความผิดอยู่แล้ว ยืนยันเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองค์กร อีกทั้ง พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ทำนอกเหนือหน้าที่ตัวเอง อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามไปรีดทรัพย์คนอื่น เพื่อให้เรื่องนี้เป็นเยี่ยงอย่างจึงได้กำชับให้ผู้ใต้บงคับบัญชาห้ามยุ้งเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนและประพฤตินอกรีตโดยเด็ดขาด หากพบกระทำความผิดและจับได้จะดำเนินทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด โดยส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชารายนี้ จึงไม่รู้ว่ามีนิสัยใจคออย่างไร

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการ กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ หรือ 191 พร้อมด้วยตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม พล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองทัพไทย พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทธา สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบการกระทำความผิดทางเศรษฐกิจ จ่าเอกเสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ จ่าเอกอภิวัฒน์ ศรีนะพรม จ่าเอกเทพพิทักษ์ รัดทะนี  จ่าเอกทรงวุฒิ เที่ยงธรรม นาย โก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ นายโอภาส ศรียา นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา

หลังสืบทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ร่วมกันแต่งกายด้วยชุดทหารลายพราง 4 คน แต่งชุดพลเรือน 5 คน บุกเข้าจับตัวนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ กับนายสุรชัย แซ่ย่าง ที่อาคารบริษัท คันต้า กรุ๊ป ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งตั้งอยู่ในซอยนวลจันทร์ 34 โดยอ้างว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบสังกัด กอ.รมน. เข้าจับกุมฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ ทั้งบัตรประชาชนและทะเบียนราษฎร์ ซึ่งเป็นคดีความมั่นคงไม่ต้องใช้หมายค้นและหมายจับ ก่อนพาขึ้นรถยนต์ Lexus ทะเบียน วฉ 1100 กทม. มีนาย โก๊ะ เต็ก ชวน สัญชาติสิงคโปร์ เป็นคนขับรถ และมีชายใส่เครื่องแบบทหารนั่งประกบไปกับผู้เสียหายทั้งสอง แต่เนื่องจากนายทรงศักดิ์เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงบอกลูกน้องให้ขับรถตามไปสังเกตุการณ์ด้วย ปรากฏว่าคนร้ายกลับพาทั้ง 2 คนเข้าโรงเรียนดอนเมืองจตุรจินดา แขวง-เขตดอนเมือง  ก่อนมีพลตรีจรูญ อำภา จะมาสอบถามเรื่องที่มาของเอกสารทะเบียนราษฎร์ และ บัตรประชาชน ก่อนพล.ต.จรูญ จะนั่งรถยนต์ เชฟโรเลต สีดำ ไม่ทราบทะเบียนออกไป

จากนั้นนายโก๊ะ เต็ก ชวน เข้ามาบอกกับนายสุรชัยว่า "นายต้องการค่าคุ้มครอง 20 ล้าน" แต่นายสุรชัยต่อรองจนเหลือ 2 ล้านบาท จึงสั่งให้ลูกน้องนำเงินสดไปจ่ายให้กับนายใหญ่หนึ่งในกลุ่มคนร้ายที่ปั๊ม ปตท. ข้างๆ ร้านอาหารเจ๊เล้ง ถนนวิภาวดี-รังสิต จำนวน 1 ล้านบาท จึงถูกปล่อยตัว ต่อมาวันที่ 17 ก.ค.นายทรงศักดิ์ได้สั่งให้ลูกน้องโอนเงินอีก 1 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของนายโอภาส ศรียา หนึ่งในผู้ต้องหา

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการ 191 กล่าวว่า ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดี และแจ้งข้อหา ร่วมบุกรุกเคหสถานและกรรโชกทรัพย์ ไปแล้ว 8 คน เป็นทหาร 5 นาย ตำรวจ 1 นาย พลเรือน 2 คน และยังมีพลเรือนยังหลบหนีอีก 2 คน ซึ่งทราบแล้วว่าหลบอยู่ในพื้นที่ใด เบื้องต้นทราบว่าตำรวจสังกัด บก.ปอศ.นั้น ได้ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว สำหรับทหารอีก 5 คน อยู่ระหว่างการดำเนินการของต้นสังกัด

ด้าน นายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวร 1 ในผู้เสียหายที่ถูกนำตัวไปรีดทรัพย์ พร้อมกับ นายสุรชัย แซ่ย่าง ที่โรงเรียนดอนเมืองจตุรจินดา ระบุว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้เป็นที่รู้จักในหมู่นักธุรกิจ เคยไปรีดทรัพย์กับนักธุรกิจนวดแผนไทย ที่พัทยา 10 ล้านบาท และ นักธุรกิจในพื้นที่กรุงเทพ อีก 10 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ยินยอมจ่ายเงิน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ค. เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตน และที่ยอมโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารให้กลุ่มผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 17 ก.ค. เพื่อต้องการหลักฐานนำไปแจ้งเจ้าหน้าที่