ราชสกุลในพระบรมราชจักรีวงศ์ (27)
ครั้นต่อมาถึงในรัชกาลที่ 2 เมื่อโปรดเกล้าฯ ตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีให้เป็นผู้สำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณนั้นก็ได้โปรดเกล้าฯ
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
ครั้นต่อมาถึงในรัชกาลที่ 2 เมื่อโปรดเกล้าฯ ตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีให้เป็นผู้สำเร็จราชการต่างพระเนตรพระกรรณนั้นก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปประทับที่พระราชวังเดิม ฝั่งตะวันออก ซึ่งได้ประทับอยู่มาจนตลอดพระชันษา ส่วนสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์นั้นเมื่อได้รับพระราชทานวังท่าเตียนในรัชกาลที่ 1 แล้ว ก็ได้ประทับอยู่มาจนตลอดรัชกาลที่ 1 และยังคงประทับต่อมาจนสิ้นรัชกาลที่ 2 ครั้นเมื่อขึ้นรัชกาลที่ 3 แล้ว ปรากฏว่าไม่ช้าไม่นานนักก็มิได้ประทับอยู่ที่วังท่าเตียนต่อไป แต่ข้ามเสด็จมาประทับอยู่ที่ทางฝั่งธนบุรีคือวังสวน
มังคุด ซึ่งมีข้อความตามที่ปรากฏอยู่ในหนังสือตำนานวังเก่า ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงกล่าวไว้ว่า
วังสวนมังคุด วังนี้เดิมเป็นพระราชนิเวศน์สถานของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี เมื่อครั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์แล้ว สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี เสด็จเข้าไปประทับอยู่ในพระราชวังหลวงจึงประทานพระนิเวศน์สถานที่ ต.สวนมังคุด ให้เป็นวังเจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร์ซึ่งเป็นพระโอรสพระองค์น้อยเสด็จประทับต่อมา เมื่อเจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร์สิ้นพระชนม์แล้วหม่อมเจ้าในกรมอยู่ในวังนี้ต่อมาจนรัชกาลที่ 3 แต่เห็นจะหมดสิ้นผู้สามารถจะปกครองจึงปรากฏว่าเมื่อปีที่ 6 ในรัชกาลที่ 3 นั้น ที่วังสวนมังคุดทรุดโทรมมาก สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ทรงซื้อแล้วย้ายไปสร้างวังใหม่ ณ ที่นั้น ประทับอยู่ได้ปีหนึ่งก็สิ้นพระชนม์ กรมหมื่นเทวานุรักษ์ พระโอรสพระองค์ใหญ่ได้ครอบครองต่อมา ครั้นกรมหมื่นเทวานุรักษ์สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 4 แต่นั้นมาหม่อมเจ้าในเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ก็อยู่ต่อมา ยังมีกำแพงวังปรากฏอยู่ มักเรียกกันว่า “วังกรมเทวา” แต่หาได้มีเจ้านายพระองค์อื่นเสด็จไปประทับไม่
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์เสด็จอยู่มาในรัชกาลที่ 3 ได้เพียง 7 ปี ก็สิ้นพระชนม์ ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า ประชวรพระยอดที่พระปฤษฎางค์ ครั้นถึงวันศุกร์เดือน 4 ขึ้น 7 ค่ำ ปีขาล ตรงกับปี 2373 ก็สิ้นพระชนม์พระชันษา 58 ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระเกียรติ แต่พระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์แบบอย่างเดียวกันกับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้พระราชทานแก่พระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรีทุกอย่าง เช่นพระศพทรงพระโกศทองใหญ่ และได้เข้าพระเมรุกลางเมือง แก่การพระเมรุนั้นได้มีพระศพกรมหมื่นนเรนทร์บริรักษ์ร่วมรับพระราชทานเพลิงพร้อมกันด้วย ซึ่งในพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 3 ได้กล่าวว่า
“ศักราช 1193 ปีเถาะ ตรีศก ครั้นถึง ณ วันเดือน 7 ขึ้น 9 ค่ำ ได้ชักพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ กับพระศพกรมหมื่นนเรนทร์บริรักษ์ ณ เมรุท้องสนามหลวง ครั้น ณ เดือน 7 ขึ้น 11 ค่ำ พระราชทานเพลิง แล้วสมโภชพระอัฐิอีกวันหนึ่ง เป็น 4 วัน 4 คืน ที่พลับพลาวังหน้า มีอิเหนาโรงใหญ่ด้วย”
ตั้งแต่เมื่อครั้งในรัชกาลที่ 2 นั้น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ได้ทรงสถาปนาวัดไว้วัดหนึ่ง ซึ่งมีนามว่า “วัดรังษีสุทธาวาส” ซึ่งต่อมาได้ยุบรวมเป็นวัดเดียวกันกับวัดบวรนิเวศวิหาร แต่แยกใช้คำเรียกว่า “คณะวัดรังษี” ยังมีแผ่นศิลาจารึกพระนามและแจ้งถึงการก่อสร้างวัดรังษีสุทธาวาสนี้ไว้ให้ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
ยังมีอีกวัดหนึ่งชื่อ วัดกษัตรา แต่หามีตำนานอยู่ในหนังสือทำเนียบพระอารามหลวงไม่ เป็นแต่ปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพงศาวดารรัชกาลที่ 2 กล่าวถึงวัดกษัตรานี้ มีความว่า
“ปีขาล สัมฤทธิ์ศก จุลศักราช 1180 พ.ศ. 2316 วันเสาร์ เดือน 6 ขึ้น 12 ค่ำ เวลาพลบเกิดพายุใหญ่ที่กรุงเก่า ฟ้าผ่ายอดพระเจดีย์วัดภูเขาทอง วัดเจ้าขรัว และพระปรางค์วัดกษัตรายอดหัก พระเจดีย์วัดภูเขาทองและวัดเจ้าขรัวใครจะปฏิสังขรณ์หาปรากฏไม่ ได้ความแต่ว่า วัดกษัตรานั้น สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ทรงปฏิสังขรณ์ทั้งพระอาราม”
อันสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี และสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ทั้งสองพระองค์นี้ต่างสิ้นพระชนม์ไปก่อนสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เพราะสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 2 นั้น เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุถึง 70 พรรษา ในรัชกาลที่ 3 เมื่อปี 2379 ดังนั้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัตินั้น จึงมิได้มีพระราชมาตุลาพระองค์ใดพระองค์หนึ่งยังพระชนม์ชีพอยู่ทั้งสิ้น เป็นเหตุให้พระองค์ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงความสัมพันธ์อันเนื่องสนิท และพระคุณูปการที่ทั้งสองพระราชมาตุลาได้มีมาแต่หนหลัง จึงได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สถาปนาพระราชโอรสผู้ใหญ่ของพระราชมาตุลาทั้งสองนั้นขึ้นเป็นเจ้าต่างกรม
ดังจดหมายเหตุคำประกาศในหนังสือเรื่องตั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ประกาศสถาปนาหม่อมเจ้าพยอม พระโอรสองค์ใหญ่ ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี เป็นพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นมนตรีรักษา และทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้หม่อมเจ้าชอุ่ม ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ เป็นพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นเทวานุรักษ์ รับราชการสนองพระเดชพระคุณต่อมาทั้งสองพระองค์
สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระบิดาในพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นมนตรีรักษา ทรงเป็นต้นราชสกุล มนตรีกุล ณ อยุธยา และสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ พระบิดาในพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นเทวานุรักษ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล
อิศรางกูร ณ อยุธยา


