ดันท่าเรือปัตตานี ศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมอุตสาหกรรม

โดย...ประสาน สุขใส

“ตรงนี้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เดิมอยู่แล้ว หากเรามีท่าเรือขนส่งสินค้า มันจะเปลี่ยนเมืองปัตตานีกลับมาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ได้อีกครั้ง ตอนผมเด็กๆ ตรงข้ามศาลากลาง จะมีบริษัท ยูเทเซีย บริษัท ตานีเบย์ ที่ขนส่งยางไปประเทศสิงคโปร์โดยเรือบาส ปัตตานี สามารถส่งออกยางไปยังสิงคโปร์ได้ แต่ด้วยพื้นที่ดังกล่าวอาจจะตื้นเขิน และการเกิดขึ้นของท่าเรือสงขลา บวกกับความเจริญของท่าเรือปีนังทำให้เรือสินค้าไปใช้บริการที่อื่น” วีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี ย้อนความหลังเล่าเรื่องราวในอดีต ซึ่งวันนี้คณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ กำลังผลักดันโครงการท่าเรือปัตตานีขึ้นมาอีกครั้ง

ภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล บอกว่า ท่าเรือดังกล่าวจะเกิดประโยชน์กับพื้นที่อย่างมาก แต่การปรับปรุงกลับไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากติดขัดเรื่องระเบียบต่างๆ ซึ่งจะหาแนวทางปรับปรุง หรือยกเว้นระเบียบต่างๆ ได้หรือไม่ นอกจากการทำให้เกิดบรรยากาศของการลงทุนในพื้นที่ให้ดีขึ้นแล้ว วันนี้ท่าเรือปัตตานียังได้มีการวางแนวทางเพื่อรองรับผลผลิตทางการเกษตรจากท่าเรือ จ.สงขลา ที่เกินกำลังมายังท่าเรือปัตตานีด้วย

“เรือวิ่งตรงมาจาก จ.ปัตตานี ไปประเทศจีน จะใช้เวลาสั้นกว่า หากปัตตานีมีท่าเรือที่สามารถรองรับตรงนี้ได้ ก็ถือเป็นความได้เปรียบที่มีมากกว่าท่าเรืออื่นในประเทศไทย”

ภาณุ กล่าวต่อว่า นอกจากความได้เปรียบของท่าเรือปัตตานีที่จะเป็นโอกาสที่ดีให้กับพื้นที่ ในอนาคต ยังสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นท่าเรือที่เป็นเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ พร้อมกับการเกิดขึ้นของโรงงานในพื้นที่ด้วย

การผลักดันโครงการท่าเรือปัตตานีนั้น ล่าสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ได้นำคณะ หารือกับ สัญญา หลีกุล ประธานกลุ่มบริษัท ก.กมลวัฒนา ซึ่งเป็นเจ้าของท่าเรือขนส่งสินค้าเพียงท่าเดียวใน จ.ปัตตานี

วีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี บอกว่า ปัญหาดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องหลายท่าน ทั้ง พล.อ.อุดมเดช ออมสิน ชีวพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้หาแนวทางปลดล็อกใบอนุญาต

“ถ้ามองจากมติที่ประชุมตรงนี้ไม่ใช่ปัญหาแล้ว ทางจังหวัดจะต้องแจ้ง ส.กมลวัฒนา ให้ดำเนินการต่อไป เมื่อปลดล็อกตรงนี้ได้ก็จบ ซึ่ง พล.อ.อุดมเดช และท่านออมสิน สนับสนุนในภาพรวม ไม่ใช่เพื่อผู้ประกอบการรายนี้รายเดียว ท่านทำให้หมด อะไรที่ผู้ประกอบการติดขัด ก็แก้ให้ตรงนั้น”

ผวจ.ปัตตานี บอกว่า สะพานที่พักเรือประมงซึ่งสร้างมา 10 ปี เชื่อมต่อกับเขตอุตสาหกรรม แต่แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์ พัฒนาเป็นท่าเรือได้โดยไม่ต้องสร้างทางเดินเรือ เรือก็เข้าไปจอดได้เลย เพียงแต่ร่องน้ำตื้นเขิน ระยะทางประมาณ 50 เมตร ซึ่งต้องขุดเพื่อให้เรือวิ่งได้ จะมีเครน ตู้คอนเทนเนอร์ และยังมีพื้นดินที่ให้วางได้ โดย อบต.บานา เป็นผู้ดูแล

ผวจ.ปัตตานี กล่าวด้วยว่า ในอนาคตพื้นที่นี้จะสามารถขยายท่าเรือได้ เพราะมีที่บังลม อันจะทำให้เมืองปัตตานีกลับมาเป็น “ศูนย์กลางเมืองโลจิสติกส์” เช่นในอดีต

ท่าเรือปัตตานี นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตา ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “เมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อใช้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นตัวกระตุ้นในการลดเงื่อนไขความรุนแรง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้

ผวจ.ปัตตานี กล่าวย้ำว่า จ.ปัตตานี มีความมั่นคงทางวัตถุดิบ และที่ดิน 900 ไร่ ของ อบจ.ปัตตานี ก็เอื้อต่อการลงทุนหากท่าเรือเกิด ก็มีโอกาสสูงที่นักลงทุนจะเข้ามา เพราะพื้นที่เขตอุตสาหกรรมมีความปลอดภัย สามารถสร้างลานจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ ทุ่งหนองจิก ไม่ใช่แค่พื้นที่เขต อ.หนองจิก แต่ยังเชื่อมต่อไปยัง อ.โคกโพธิ์ แม่ลาน และลุ่มน้ำปัตตานีอย่างพื้นที่ลุ่มน้ำปะกาฮะรัง และบาราเฮาะ ทั้งหมดคือฐานที่ต้องสร้างความมั่งคงของวัตถุดิบ ที่สามารถตอบโจทย์การเป็นเมืองต้นแบบให้ได้