posttoday

‘เจ้าพระยา’ แม่น้ำแหล่งรับปัญหาเรื้อรัง

02 กรกฎาคม 2560

“แม่น้ำ เจ้าพระยา แควไหลมา รวมกันสี่สาย ปิง วัง ยม น่าน หลั่งไหล รวมสี่สาย ที่ปากน้ำโพ” เพลงนี้เป็นเพลงที่เด็กๆ

โดย...ธเนศน์ นุ่นมัน

“แม่น้ำ เจ้าพระยา แควไหลมา รวมกันสี่สาย ปิง วัง ยม น่าน หลั่งไหล รวมสี่สาย ที่ปากน้ำโพ” เพลงนี้เป็นเพลงที่เด็กๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่าต่างคุ้นเคยกันดี เนื้อร้องสั้นๆ ที่ร้องวนซ้ำนี้บอกที่มาของแม่น้ำสายสำคัญที่คนกรุงเทพมหานคร (กทม.) คุ้นเคยกันดี

แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่าน นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กทม. และสมุทรปราการ จุดที่ไหลผ่าน นครสวรรค์เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ในลุ่มน้ำมากที่สุด รองลงมา คือ กทม. พื้นที่ประมาณ พื้นที่ลุ่มน้ำทั้งหมดรวมกันถึง 10,270 ตารางกิโลเมตร

ตามที่เพลงได้บอกไปแล้วว่า แม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำใหญ่ 4 สาย ปิงกับวังไหลรวมกันที่ จ.ตาก ไหลผ่าน จ.กำแพงเพชร ยมกับน่านไหลรวมกันที่ จ.นครสวรรค์ ลงไปรวมแม่น้ำน่านที่ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ ข้อมูลเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้ยังระบุด้วยว่า นอกจาก 4 สายแล้วยังมีแม่น้ำอีก 2 สายไหลมาสมทบในภาคกลาง นั่น คือ แม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำป่าสัก

หากล่องเรือจากจุดที่ถูกปักหมุดเริ่มเรียกว่า เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งอยู่ที่ปากน้ำโพ ไปถึงจุดที่แม่น้ำสายนี้ไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทยที่ จ.สมุทรปราการ จะพบว่าเส้นทางนี้มีความยาวถึงประมาณ 379 กิโลเมตรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี หลายทศวรรษที่ผ่านมาดูเหมือนข้อมูลและข่าวคราวด้านสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของแม่น้ำเส้นนี้ยังคงอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาเรื้อรังที่ละลายอยู่ในแม่น้ำสายนี้ก็คือ เรื่องของมลพิษ

เว็บไซต์ของกรมควบคุมมลพิษ เผยแพร่สถานการณ์คุณภาพน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี 2549 โดยระบุว่า ตั้งแต่ตอนบนและตอนกลาง ช่วงตั้งแต่จุดเริ่มต้นแม่น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์ ลากมา
ถึงป้อมเพชร พระนครศรีอยุธยา มาจรดศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเก่า) มีคุณภาพในระดับพอใช้ ขณะที่ตอนล่าง จากเมืองนนทบุรีลากไปถึงจุดไหลลงสู่อ่าวไทย คุณภาพน้ำยิ่งน่าเป็นห่วง จนถูกจัดให้
อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม ซึ่งเป็นปัญหาที่มาจากน้ำเสียจากการระบายน้ำทิ้ง จากชุมชนและตลาดริมน้ำ จากการระบายน้ำทิ้งจากฟาร์มปศุสัตว์ จากโรงงานอุตสาหกรรม

น้ำเสียรวมทั้งหมด (ย้ำว่าเป็นค่าที่จัดทำเมื่อปี 2549 ) ประมาณ 4.8 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน คิดเป็นปริมาณความสกปรกในรูปบีโอดี (Biochemical Oxygen Demand) ซึ่งหมายถึง ปริมาณของออกซิเจนที่แบคทีเรียใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในเวลา 5 วัน ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส ทั้งสิ้น 369,421 กิโลกรัม/วัน และได้ระบุด้วยว่า มาจากชุมชน 71% โรงงานอุตสาหกรรม 18% การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 8% และฟาร์มสุกร 3%

แน่นอนว่า 11 ปี ที่ผ่านมา ชุมชนที่อยู่อาศัยภาคอุตสาหกรรมนั้นขยายตัวอย่างไม่หยุดนิ่ง เมื่อไม่นานมานี้ สำนักผังเมือง กทม. รายงานคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า ค่าบีโอดียังไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในอนาคต

ผลพวงจากสิ่งที่เกิดจากสภาพของแม่น้ำเจ้าพระยานั้นกระทบกับสารพัดสิ่งมีชีวิตที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำสายนี้ ผลพวงที่เห็นเป็นรูปธรรมนอกเหนือจากค่าตัวเลขคุณภาพน้ำเรื่องหนึ่ง ก็คือการระบาดของผักตบชวา

ผักตบชวานั้นแพร่ระบาดมากสุดบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลาง โดยเฉพาะลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและท่าจีน เนื่องจากมลพิษทางเกษตรกรรม ชุมชน และอุตสาหกรรม ทำให้น้ำมีธาตุอาหารพืชสูง พืชชนิดนี้ขยายพันธุ์โดยเมล็ด 1 ต้น สามารถให้เมล็ดได้ถึง 5,000 เมล็ด และหากเมล็ดหลุดไปอยู่ในแหล่งน้ำจะสามารถอยู่ได้นานถึง 15 ปี เป็นวัชพืชที่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วด้วยการแตกหน่อ ผักตบชวา 2 ต้น สามารถแตกใบและเติบโตเป็นต้นได้ 30 ต้นภายใน 20 วัน และจะเพิ่มน้ำหนักได้ 1 เท่าตัวภายใน 10 วัน มีอัตราขยายตัวปกคลุมผิวน้ำได้ 8% ต่อวัน หากเริ่มปล่อยลงแหล่งน้ำ 10 ต้น จะแพร่จำนวนเป็น 1 ล้านต้นภายใน 1 ปี เฉพาะแม่น้ำท่าจีนมีผักตบชวาไหลลงสู่อ่าวไทยวันละประมาณ 2,000 ตัน

ในอดีต น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ ผู้ประกอบอาชีพทำเกษตร ประมงและเลี้ยงปลาริมแม่น้ำ ยังจดจำช่วงเวลาที่สามารถอาบและว่ายน้ำในแม่น้ำได้ดี ปัจจุบัน หลายพื้นที่ได้อำลาวิถีชีวิตเช่นนั้นไปอย่างถาวร เจ้าพระยาหลายจุดเปลี่ยนสภาพไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ถูกใช้แค่เป็นเส้นทางสัญจรและเป็นแหล่งระบายน้ำเสียเท่านั้น แม่น้ำสายสำคัญที่ทอดยาวเส้นนี้จะกลายเป็นอดีตอันขมขื่นที่ส่งผ่านความล้มเหลวในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมต่อไปยังอ่าวไทย หรือมีกับอนาคตที่ยั่งยืน เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมาถกเถียงวางมาตรการฟื้นฟูอย่างจริงจังเสียที

ข่าวล่าสุด

พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต